เจ้าสาวปราจีนฯ โดนจ่าเบี้ยวงานแต่ง ล่าสุด วอนฝ่ายชายมาช่วยรับผิดชอบค่าจัดงาน ชี้เป็นบทเรียนรักใครขอให้ดูใจกันนานๆ ย้ำกลับมาก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม ด้าน นายก อบต.นาดี นัด 11พ.ค. เจรจาค่าเสียหาย

กรณี น.ส.น้ำทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ถูกเจ้าบ่าว คือ จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ ขอแต่งงานในวันที่ 1 พ.ค.65 พอถึงวันพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวกลับหนีหาย ปล่อยให้ทางเจ้าสาวดำเนินการขั้นตอนทางศาสนาไปเพียงคนเดียว แม้แต่ช่วงแห่ขันหมาก พ่อเจ้าสาวต้องเป็นตัวแทน เพื่อแห่ขันหมากไปที่บ้านเจ้าสาว เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับลูกสาว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.สมพาน สุขสำราญ ผกก.นาดี กล่าวว่า น.ส.น้ำทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) ฝ่ายเจ้าสาวได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.อ.ยุทธภูมิ ดำรงธรรม ร้อยเวร สภ.นาดี เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 65 ประมาณต้นเดือน ธ.ค. 64 ได้รู้จักกับ จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ และได้คบกันในลักษณะแฟนมาตลอด จนประมาณเดือน ก.พ. 65 จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ ได้มาพูดคุยกับบิดา-มารดา จะมาทำการสมรสกับตนเอง ในวันที่ 1 พ.ค. 65 โดยตกลงค่าสินสอดเป็น 200,000 บาท ทองคำหนัก 3 บาท เมื่อถึงเวลา จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ ไม่เดินทางมางาน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งรวม 271,079 บาท จึงได้มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนคดีนั้น ตามข้อกฎหมายพบว่าไม่มีการกระทำผิดทางอาญาแม้แต่การกระทำผิดทางแพ่ง ได้ปรึกษาพนักงานสอบสวนถึงกรณีเก่าลักษณะนี้ถ้ามีการหมั้นก่อนถึงจะดำเนินคดีได้

ความคืบหน้า เมื่อช่วงบ่าย วันนี้ (5 พ.ค.2565) น.ส.น้ำทิพย์ ขอลาหยุดครึ่งวันกับทางโรงงานและเดินทางกลับมาบ้านพัก โดยทางบ้านมีบิดา-มารดา พร้อมทั้งญาติผู้ใหญ่ยังคงนั่งรออยู่ที่บ้าน อยู่ในอาการเศร้าหมอง เนื่องจากยากที่จะทำใจในเรื่องที่เกิดขึ้น และจากการสอบถามป้าและพ่อ-แม่ เจ้าสาว ได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกเสียใจกับงานแต่งที่ถูก จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ เบี้ยวงานแต่ง หากจะมาขอโทษเพื่อกลับเข้ามาอยู่กินกับ น.ส.น้ำทิพย์ อีก ทุกคนก็ไม่เอาแล้ว

...

น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวว่า รู้จักกับเจ้าบ่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2564 มีคนติดต่อ ส่งเบอร์ ส่งไลน์ให้คุยกันทางไลน์ ได้ 2-3 เดือน ตัวแกก็บอกจะแต่งงานด้วย หนูก็เลยบอกให้มาคุยกับพ่อแม่ แกก็มาคุยกับแม่ ก็ตกลงกันว่าจะแต่งงานวันที่ 5 มี.ค.65 พอดีแม่และน้องสาวติดโควิด-19 ก็เลยเลื่อนมาเป็นวันที่ 1 พฤษภาคม แกก็ช่วยงานตลอด ไม่มีวี่แววว่าจะหนี จนถึง ตี 1 พอตี 2 หนูก็ออกไปแต่งหน้า แกก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ไปหาแม่ก่อน น้องสาวญาติมาอยู่รีสอร์ตหมดแล้ว หนูก็ไปแต่งหน้า แต่งหน้าเสร็จก็แชตหาแก บอกว่าตี 5 แล้ว พี่มาแต่งหน้า แกบอกว่าไม่แต่ง พอ 7 โมงก็ยังไม่มา หนูก็แชตหาอีก แกบอกให้พระเลื่อนเวลาเป็น 07.29 น. เดี๋ยวพี่มา พี่มีปัญหากับแม่นิดหน่อย เดี๋ยวเคลียร์ก่อน

เจ้าสาวผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า จนเมื่อถึงเวลา 7 โมงกว่าก็ยังไม่มา แชตถามไป แกก็บอกให้ทำพิธีสงฆ์ไปก่อน และก็บอกว่าพี่อยู่โคราชแล้ว กลับบ้านเคลียร์กับแม่ หนูก็รู้ว่าแกหนีแล้ว หนูก็เลยตั้งสติ และหนูกดเงินให้แกไว้ใช้ในงาน 20,000 บาท เพื่อแลกมาใช้ถวายพระ วันนั้นไม่มีซองพระสักบาท หนูก็ตั้งสติขอเงินพ่อให้หลานไปแลกมาใส่ซองถวายพระ และทำพิธีจนเสร็จ และจัดงานต่อ พี่น้องก็ตกลงว่ามีแห่เหมือนเดิม ให้ผูกแขนเรียกขวัญเราคืนกลับมา เรื่องนี้หนูอยากให้พี่แกมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่แกเป็นตัวตั้งตัวตีทุกอย่าง พาไปจัดหาโต๊ะจีน ซุ้มดอกไม้ ชุดแต่งงาน แกก็ให้จัดชุดละ 10,000 บาท ที่พี่แต่งครั้งหนึ่ง เพื่อยศของพี่ ที่บอกว่าแกเป็นทหาร

น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวอีกว่า ถ้าพี่ดูอยู่ก็ขอให้พี่มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ช่วยหนูหน่อย เห็นใจหนูบ้าง อยากบอกสังคมว่า เอาเป็นบทเรียนว่าถ้าจะรักใครก็ให้ดูใจกันไปนานๆ อย่าทำเหมือนหนู รักเขาแล้วก็ตกลงง่ายๆ ถ้าเขากลับมา เราก็รับไม่ได้แล้ว ความรู้สึกมันหมดแล้ว ความรักก็หมดแล้ว ไม่ไว้ใจแล้ว แกแต่งเรื่องราวยาวๆ ให้หนูเชื่อใจหมดบ้านเลย ครอบครัวรักแกหมดเลย มีแต่คนรักแก หมดเวลาของเขาแล้ว

...

ต่อมา นายวัชรพล ศรีอวน นายก อบต.นาดี ได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.น้ำทิพย์ เพื่อให้กำลังใจกับทางครอบครัว ในขณะนั้น จ.ส.อ.เอก สุวรรณหงษ์ ได้โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับ นายก อบต.นาดี กล่าวว่า ตนเองก็รู้สึกเสียใจ ส่วนที่ไม่สามารถมางานแต่งได้ เนื่องจากไม่มีเงินค่าสินสอดในการแต่งงาน และจะเดินทางกลับมาเพื่อพูดคุย ในวันที่ 11 พ.ค. 65 เวลา 09.00 น. ที่ สภ.นาดี

...

นายก อบต.นาดี กล่าวว่า ในเรื่องนี้เบื้องต้นก็ได้เข้ามาเมื่อวาน ก็ได้ขอเบอร์เจ้าบ่าวและประสานไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้ประสานมายังเจ้าทุกข์หรือยัง ถ้าไม่สื่อสารโดยตรงก็สื่อสารผ่านผมได้ ผมยินดีที่จะเป็นสื่อกลางให้ เขาก็โทรกลับมาและให้เหตุผลมา ณ วันนั้นแม่เขามีปัญหา เขาไม่มีเงินส่วนหนึ่งที่จะมาเป็นค่าสินสอด โชคดีที่เขายังโทรมาหา และเขาก็นัดจะมาเจรจาก็ให้ผ่านทางผม เพื่อเจรจาชดใช้ค่าสินไหมหรือมาขอขมา เขาก็รับปากกับผมว่า วันที่ 11 พ.ค.65 เวลา 09.00 น. พบกันที่ สภ.นาดี เราก็จะมีทางผม ผู้เสียหาย ผู้ใหญ่ มาเป็นสักขีพยาน

นางสุจินดา อมแก้ว อายุ 59 ปี แม่ค้าที่อยู่ใกล้เคียง กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้และไม่ได้มาร่วมงาน มารู้ตอนสายเขาพูดกันว่า เฮ้ย เจ้าบ่าวหาย เรื่องนี้ก็รู้สึกสงสารเจ้าสาวอยู่เหมือนกัน น้องชายก็ยังบอกว่า ถ้าถูกหวยรางวัลที่ 1 ก็จะไปจ่ายโต๊ะจีนให้เขา สงสารเขา ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย ใครก็ไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ สงสารเขาอยู่ เขามาเก็บของเมื่อเช้า ก็เลยถามคู่เขยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาก็บอกว่าทำไมถึงทำได้ลง.