"นายกฯ เบี้ยว" ขอโอกาสให้ "พีช" ลูกชาย ขับ BMW ปาดหน้ากระบะ เพื่อให้เขากลับเนื้อกลับตัว ยืนยันไม่ได้ปกป้องลูก หรือมีเส้นสาย ให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายตรงไปตรงมา

จากกรณีที่นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ต.ธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ป้ายแดง มีเรื่องทะเลาะวิ่งปาดรถไปมากับรถกระบะ ที่มีนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี เป็นคนขับ และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี ภรรยานั่งอยู่ด้านข้าง บนถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะอิน กม.22 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นที่น่าหวาดเสียว กระทั่งนายพีชขับไปกระแทกรถกระบะเสียหลักชนแบริเออร์ ทำให้นายประจักษ์และนางสมศรีได้รับบาดเจ็บ ขณะที่นายพีชยังไม่ลดละจอดรถลงมาพร้อมถอดเสื้อแล้วตะโกนด่าคู่กรณีอย่างดุเดือด เหตุดังกล่าวชาวบ้านถ่ายคลิปนำมาโพสต์ในโลกโซเชียล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

กระทั่งล่าสุด "พีช-สมิทธิพัฒน์" ไปออกรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอโทษลุงกับป้า ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจชนกระบะ แต่การขับดักหน้าเพราะตั้งใจที่อยากจะให้รถกระบะจอดมาคุยกันเท่านั้น

ขณะที่ นายกเบี้ยว หรือ นายกฤษดา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี พ่อของนายพีช เผยในช่วงท้ายของรายการว่า ก่อนอื่นผมต้องขอโทษสังคม คุณลุง คุณป้า ถ้าจะผิดก็เพราะผมไม่ได้มีเวลาดูแลลูก เราให้เวลาเขาน้อยไป ซึ่งก็มีส่วนที่ทำให้ลูกชายผมเป็นแบบนี้ จากการที่ดูคลิปแล้วผมยอมรับผิด คุณลุงผิด ผมก็จะดูแล คุณลุงถูก ผมก็ยิ่งดูแลให้มากกว่า ชีวิตคุณลุงก็มีค่า ผมเข้าใจความเป็นพ่อเป็นลูก แต่อยากขอโอกาสให้ลูกชาย พีชก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ความคิดคงไม่เท่าตน ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตนคงไม่เป็นแบบนี้ แต่เมื่อเรื่องเกิดแล้ว ถ้าลูกผมทำผิดไป ก็ขอโอกาสให้เด็กคนหนึ่งได้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี การที่ตนออกมาไม่ได้ปกป้องลูก ทางกฎหมายก็อยากให้ตำรวจดำเนินการด้วยความยุติธรรม เราไม่มีเส้นสายอยู่แล้ว ผมรักลูกแต่ไม่เคยเข้าข้างลูก

...

ส่วนนายพีช เผยว่า "ขอโอกาสจากสังคม อย่าว่าอะไรผมมากเลย มันทำให้เรารู้สึกไม่ดี เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก"

นายกฯ เบี้ยว ขอโอกาสให้ "พีช" รับไม่มีเวลาดูแล ทำให้ลูกเป็นแบบนี้

ต่อมาหลังจบรายการ นายกเบี้ยว ลงมาให้สัมภาษณ์สื่อที่รออยู่ด้านล่างว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้มีการประสานว่าจะให้ตนเองพาลูกชายไปรับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันว่าไม่ได้หนี แต่วันนี้ตนเองและลูกชายเสร็จธุระไม่ทัน จึงจะแจ้งขอเลื่อนไปก่อน ซึ่งตนเองยังคงสับสน เนื่องจากคดีมีอยู่ 2 ที่ อีกที่คือ สภ.ลำลูกกา อย่างไรก็ตามตนเองและลูกชายพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

นายกฤษฎากล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสภาพจิตใจหลังจากที่ตนเองได้พบกับลูกเมื่อวานนี้ ลูกชายยังคงตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากยังอายุน้อยและอยู่ในช่วงของวัยรุ่น จึงมองว่าตัวเองไม่ผิดและโต้เถียง ตนเองจึงอธิบายให้ลูกชายเข้าใจว่าเราเป็นคนผิด โดยคดีแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคุณลุงอาจจะเข้าข่ายมีความผิด และถึงแม้ในส่วนที่สองที่มีภาพปรากฏว่าลูกชายตนเองขับปาดจนเกิดเหตุทำให้รถกระบะเสียหลัก ลูกชายตนเองจะบอกว่าไม่มีเจตนา แต่สังคมที่ดูคลิปได้ตัดสินไปแล้วว่าลูกชายทำเกินเหตุ ฉะนั้นตนเองและลูกชายจึงยอมรับผิดทุกกรณี และขอโทษสังคม ทั้งนี้ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินและเมตตา หากตัดสินว่าลูกชายผิดก็น้อมรับ

ส่วนเรื่องที่ลูกชายไม่ไปเยี่ยมคุณลุงและคุณป้านั้น หลังจากที่ตนเองพบลูกจึงมีการติดต่อไปทางลูกชายของคุณลุงและคุณป้า แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงยังไม่กล้าให้ลูกชายของตนเองนั้นไปพบคู่กรณี เนื่องจากกลัวถูกโวยวายทำให้อับอาย แต่เมื่อวานและวันนี้ตนเองได้เดินทางไปเยี่ยมคู่กรณีแล้ว และได้ขอโทษพร้อมนำกระเช้าไปให้ และแจ้งกับทางคู่กรณีว่าจะพาลูกชายเข้ามากราบขอโทษ ซึ่งทางคู่กรณีก็ยินดีให้มา โดยลูกชายพร้อมยินดีจะชดใช้ค่ารักษาและค่าซ่อมรถอย่างเต็มที่

นายกฤษฎากล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ตัดสินใจพาลูกชายมาชี้แจงผ่านรายการในวันนี้ เนื่องจากไม่อยากปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ หากสังคมจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ดุลยพินิจของแต่ละคน ยืนยันที่ออกมาชี้แจงในวันนี้ไม่ได้เป็นการฟอกขาว และไม่ได้จะนำมาต่อสู้คดี รวมถึงไม่มีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งภาพที่ลูกชายร่วมอดีตนายกทักษิณและนายกแพทองธารร่วมเฟรม ขณะนั้นนายกแพทองธารยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง เป็นเพียงหัวหน้าพรรคที่มาร่วมงานเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้สนิทกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน เพราะท่านเป็นตำรวจน้ำดี

หลังจากดูคลิปการขับรถของลูกชาย ก็มองว่าขับรถหวาดเสียว จึงได้ตักเตือนลูกชายให้ได้สติ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เจตนาที่จะชน จากคำกล่าวอ้างว่าขับรถมือเดียวและเสียหลัก อย่างไรก็ตามต่อให้มีหลักฐานว่าลูกชายไม่ผิด ตนเองก็ยังยอมรับผิด

ส่วนเรื่องใบขับขี่นั้นตนเองก็เพิ่งทราบในวันนี้ว่าใบขับขี่ลูกชายหมดอายุตั้งแต่ปี 64 และเรื่องป้ายแดงที่ยังไม่ได้เข้าระบบนั้น ลูกชายได้กล่าวอ้างว่ามีการออกรถมาได้ไม่ถึงปี และจองป้ายทะเบียนเลข 27 ซึ่งเป็นเลขวันเกิดเอาไว้ นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหน้ารถ ตนเองไม่เคยไปนั่งรถจึงไม่รู้ว่ามีหรือไม่

นายกฯ เบี้ยว ขอโอกาสให้ "พีช" รับไม่มีเวลาดูแล ทำให้ลูกเป็นแบบนี้

...

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีผลกระทบด้านการเมืองหรือไม่ นายกฤษฎาระบุว่า เชื่อว่าอยู่ที่ประชาชนจะมอง ให้วันที่ 11 นี้เป็นวันตัดสิน และสำหรับนิสัยของลูกชายนั้นเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อน แต่ด้วยระยะหลังที่ห่าง จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

นายกฤษฎากล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองไม่ทราบว่าที่ลูกชายกล่าวอ้างว่าเป็นลูกหลานตำรวจนั้นจะมีเจตนาอย่างไร ทั้งนี้ตนเองขอโทษสังคมว่าไม่ได้ดูแลลูก อยู่ห่างกับลูกและมัวแต่ยุ่งกับงาน จึงทิ้งลูกไว้ถึงเป็นอย่างนี้ หลังจากนี้จะดูแลให้มากขึ้น และขอโอกาสให้ลูกชายได้มีที่ยืนในสังคม และจะกลับตัวหลังทำผิด

ที่มาจาก รายการคนดังนั่งเคลียร์