รถเครนขนาด 550 ตัน 2 คัน เข้าพื้นที่คานถล่ม พระราม 2 เตรียมพร้อมเคลียร์พื้นที่ ด้าน พฐ.ระดมกำลังเข้าตรวจวัตถุพยานเพิ่ม บ่งชี้เหตุคานถล่ม

ความคืบหน้ากรณีคานถล่ม ถนนพระราม 2 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2567 รถเครนขนาด 550 ตัน จำนวน 2 คัน จากจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุบริเวณทางยกระดับถนนพระราม 2 ตอนที่ 1 ช่วงที่ 3 พื้นที่ กม.21+600 – กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ที่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้มีการปฏิบัติงานยกคาน เนื่องจากต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เครนขนาดใหญ่ ไฟฟ้าส่องสว่าง และส่วนอื่นๆ ให้พร้อมในการปฏิบัติงานก่อน

นอกจากนี้ ทางวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญชำนาญงาน จะต้องร่วมกันประเมินว่าจะต้องยกในส่วนใดออกตามลำดับ และการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเครนขนาดเล็กกับขนาดใหญ่จะต้องอยู่ตรงส่วนไหนบ้าง ถึงจะลงมือปฏิบัติได้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ขณะที่การจราจรเช้าวันนี้ ได้มีการเปิดช่องทางพิเศษเพื่อให้รถฝั่งขาออกใช้สัญจร ตั้งแต่เวลา 06.30 น. เร็วกว่าปกติที่กำหนดไว้ 30 นาที จึงส่งผลให้ปริมาณรถสามารถขับเคลื่อนได้ดีขึ้น มีชะลอตัวบ้าง ช่วงก่อนถึงทางเบี่ยงเข้าสู่ช่องทางพิเศษตรง กม.ที่ 20+900 (ก่อนถึงตลาดมหาชัยเมืองใหม่) ส่วนฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ จะมีการชะลอตัวขับเคลื่อนได้ช้าตรงช่วงบริเวณที่เกิดเหตุ ระยะทางประมาณ 300 เมตร ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ของตำรวจทางหลวง ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร และ แขวงทางหลวงสมุทรสาคร คอยอำนวยการจราจรอย่างต่อเนื่อง

...

นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางาน และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร, ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 7 ราชบุรี และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร มาตั้งโต๊ะพูดคุยกับทางนายจ้าง และตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อสอบประวัติของผู้เสียชีวิต โดยให้ทางนายจ้างนำหลักฐานมาแสดงยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด เพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ที่แรงงานพึงได้ตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดย พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบช.สพฐ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ดิเรก ธนานนท์นิวาส ที่ปรึกษา(สบ 8) สพฐ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กว่า 20 นาย เข้าตรวจวัตถุพยานในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนในคดีเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้

โดยก่อนการเข้าตรวจ ก็มีการประชุมหารือร่วมกับทีมวิศวกรของผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้แทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นจึงได้แบ่งกำลังเข้าไปตรวจวัตถุพยานในพื้นที่เกิดเหตุ ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งทางตำรวจ พฐ. ก็เข้าตรวจได้เพียงบางจุดเท่านั้น เพราะบางจุดยังคงเป็นพื้นที่อันตรายสูง ที่ไม่สามารถให้ใครเข้าไปใกล้ได้