ผวจ.อุทัยธานี สั่งตำรวจสอบผู้ต้องสงสัย จุดไฟเผาที่นากลายเป็นไฟลามทุ่ง ไหม้สายไฟฟ้าแรงสูง ทำไฟดับทั้งจังหวัด ด้านผวจ.เรียกประชุมหนุ่มงานที่เกี่ยวข้อง ชี้อาจเกิดจากคนจุดไฟล่าหนูนา เป็นพฤติกรรมของคนเพียงเดียว แต่สร้างความเสียหายเดือดร้อนกับประชาชนเป็นวงกว้าง
เวลา 10.30 น.วันที่ 30 เมษายน 2567 ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ลามทุ่ง ริมถนนสาย 333 พื้นที่ หมู่ 5 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี ลามไหม้สายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้อุปกรณ์ตัดไฟทำงานอัตโนมัติ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับทั้งจังหวัด
ล่าสุด นายธีรพัฒน คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบหาคนจุดไฟ ก่อนลุกลามเป็นไฟลามทุ่ง และไหม้เสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนน ซึ่งต้องรอว่าจะหาตัวผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ และเจ้าของที่นาบริเวณนั้น เป็นคนจุดไฟเองหรือเป็นคนอื่น
นางนัฐพร มุสิกพรรณ์ อายุ 58 ปี เช่าบ้านอยู่ที่หลังเทศบาลเมืองจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า เมื่อคืนไฟดับสร้างความเดือดร้อนมาก เพราะมีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในบ้านจึงต้องมานั่งรับลมอยู่นอกบ้าน เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้า พัดลมใช้ไม่ได้ ขณะที่ นายสมบูรณ์ สุขเกษม อายุ 85 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต เปิดเผยว่าในบ้านนั้นร้อนมาก เพราะพัดลมใช้ไม่ได้ อีกทั้งต้องอยู่ในความมืดมิด น่ากลัว "ใจคอไม่ดีเลยเพราะตัวเองป่วยอยู่ แต่ต้องขอขอบคุณการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและหน่วยงานต่างๆ ที่เร่งแก้ไข"
ทางด้าน นายวิฑูรย์ สิรินุกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เรียกผู้เกี่ยวข้องประชุมด่วนที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด เพื่อค้นหาสาเหตุเพลิงไหม้ป่าหญ้าข้างทาง จนเป็นเหตุให้ลามไหม้ไปยังแนวสายไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำ ริมถนนสาย 333 พื้นที่ หมู่ 5 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี จนเป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้าดับเกือบทั้งจังหวัดอุทัยธานีและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง
...
โดยหารือกับตัวแทนฝ่ายปกครอง ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้าภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ ถึงแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากกรณีไฟไหม้ป่าและลามไปไห้ระบบส่งไฟฟ้าจนส่งผลกระทบไปทั้งจังหวัด ได้ก่อความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมาก พร้อมได้มีการกำชับให้ตามหาตัวผู้จุดไฟให้ได้ เพื่อนำลงโทษต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนสาเหตุไฟไหม้ ลามถึงระบบส่งฟ้าจนเกิดไฟฟ้าดับเกือบทั้งจังหวัด อาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้านที่จุดไฟไล่หนู แล้วลามไหม้ป่าหญ้าจนลามถึงเสไฟฟ้า ทำไฟดับเกือบทั้งจังหวัด ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียว แต่สร้างความเสียหายเดือดร้อนให้กับประชาชนวงกว้าง