แฟนคลับวัย 38 ปี ชาวสระบุรี ติดตามนักร้องลูกทุ่ง "ย" มานานหลายปี จนสนิทสนมเรียกพี่เรียกน้อง สุดท้ายชีช้ำ ถูกนักร้องขวัญใจ ทั้ง "ขอ และยืมเงิน" หลายครั้ง จนต้องเอารถไปรีไฟแนนช์ แต่นักร้องไม่ยอมคืนเงิน ที่ยืมร่วม 3 แสน แถมบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง เผยโอนไปให้กระทั่งค่าลาบ ค่าอาหารแมวฯ


วันที่ 21 ก.พ. 67 จากกรณีที่มีผู้เสียหายร้องเรียนมาทาง “เป็นหนึ่ง” ถูกศิลปินสาวนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ตัวย่อ “ย” ยืมเงินแล้วไม่คืน ผู้เสียหายเคยปรึกษา “ทนายแก้ว” แล้ว แต่ทางศิลปินรู้เรื่องก่อนจึงขอไกล่เกลี่ย สุดท้ายก็บ่ายเบี่ยง และหายหน้าไป


โดยผู้เสียหายเล่าว่า ตนเป็นแฟนคลับตัวยงของศิลปินท่านนี้ ตามภาษาในวงการจะเรียกว่า “พ่อยก-แม่ยก” และมีการมอบเงิน สิ่งของให้โดยเสน่ห์หาตามประสาแม่ยก ในตอนแรกตนก็ติดตามศิลปินคนนี้แบบที่แฟนคลับคนอื่นๆ แต่ภายหลังได้พูดคุย และสนิทสนมกับศิลปินมากขึ้น ทางศิลปินได้มีการเอ่ยปากยืมเงิน และทักหาผู้เสียหายขอยืมเงินอยู่เรื่อยๆ โดยมักใช้คำว่า “ออกให้พี่ก่อน” ด้วยความที่รัก และชื่นชอบ บวกกับผู้เสียหายก็มองว่ายังไงเขาก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ออกทัวร์ไม่กี่ครั้ง เขาก็คงคืนให้เราหมดแล้ว


แต่พักหลังมีการทักหาให้โอนเงินให้แบบเล็กๆ น้อย ๆ เช่น ขอค่าลาบ ค่าช็อปปิ้งออนไลน์ ค่าจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ ที่คนปกติไม่น่าจะยืมกัน ก็ทักยืม โดยท้ายประโยคจะมักจะลงท้ายด้วยคำพูดหว่านล้อมในเชิงว่า เอ็งเป็นน้องแท้ๆ ของพี่ พี่รักเอ็งเหมือนน้องแท้ๆ ด้วยความไว้ใจของผู้เสียหายจึงโอนให้มาโดยตลอด เคยหนักที่สุดจนถึงขอให้ผู้เสียหาย นำรถไปรีไฟแนนซ์เพื่อเอาเงินมาให้ศิลปินคนนั้นยืม แต่ก็ไม่ได้คืนจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้เสียหายบอกว่ายอดรวมทั้งหมดที่นับสลิปได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท ยังไม่รวมค่าเล็กๆ น้อยๆ แม้กระทั่งของใช้ในบ้านของศิลปินคนนี้ก็ล้วนเป็นเงินของผู้เสียหายท่านนี้ (อาหารแมว, ของใช้ในบ้าน ยังให้ผู้เสียหายเป็นคนซื้อให้)

...


ผู้เสียหายต้องทนทุกข์ทรมานใจ เพราะจะเข้าไปร้องใครก็กลัวว่าจะไม่คืบหน้า ทางผู้เสียหายเคยขอคำปรึกษาจากทนายแก้วแล้ว ทางทนายแก้วให้คำปรึกษาว่าสามารถฟ้องได้ แต่เมื่อทางศิลปินท่านนี้รู้ข่าวก็ขอเข้าเจรจาไกล่เกลี่ย และเรื่องนี้เคยเป็นข่าวมาแล้วพักหนึ่ง แต่เมื่อเรื่องเงียบ ศิลปินท่านนี้ก็บ่ายเบี่ยง และไม่ใช้เงินคืนให้เหมือนเดิม


ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า ในส่วนที่ตนให้โดยเสน่หา ไม่ได้เอามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ เพียงแต่พักหลังศิลปินท่านนี้ใช้คำว่าขอยืม แต่เมื่อตนทวงก็ไม่เคยได้คืนเสียที ผู้เสียหายเคยเครียดจนถึงขั้นจะจบชีวิตตัวเอง เนื่องจากปัญหาหนี้สินที่รุมเร้า และความเครียดสะสม แต่มีคนมาพบก่อน ตนเลยรอด

ในลำดับแรกทาง “เป็นหนึ่ง” จะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยเรื่องนี้อย่างจริงจัง หากยังไม่มีอะไรคืบหน้า หรือทางศิลปินท่านนี้ไม่มีท่าทีจะรับผิดชอบใดๆ เราจะพาผู้เสียหายดำเนินการในขั้นตอนทางกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป

   


ล่าสุด ช่วงเที่ยงวันนี้ ทีมข่าวพร้อม “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” ได้ลงพื้นที่ไปพบกับผู้เสียหายชื่อ น.ส.จารุวรรณ เอี่ยมศรีดี อายุ 38 ปี หรือแนน เป็นชาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ได้นำเอกสารการสนทนา และการโอนเงินผ่านทางแชตข้อความเฟซมาให้ทีมข่าวดู พร้อมเล่าให้ฟังว่า ตนเป็นแฟนคลับของนักร้องลูกทุ่งดัง ชื่อย่อ “ย” อายุ 46 ปี มาหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากพ่อของตนมีอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง มีงานแสดงของนักร้องสาวก็จะมีคนเหมารถของพ่อไปชมการแสดง ตนจะติดตามไปดูตลอดจนสนิทสนมกันมา จนมาถึงเมื่อปี 2562 นักร้องสาวได้มีการแชตมาทางข้อความเฟซเพื่อข้อยืมเงินเป็นครั้งแรกจำนวน 4,000 บาท นักร้องสาวบอกตนว่าเจอกันที่งานแสดงที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ก็จะคืนเงินให้ แต่ก็ไม่คืนให้ จนมีการยืมเงินกันมาตลอดครั้งละหลักร้อยบาทจนถึงหลักหมื่นบาท ครั้งที่มีการยืมเงินเยอะมากที่สุด และเป็นครั้งสุดท้ายคือปี 2563 นักร้องลูกทุ่งยืมเงินไป 5 หมื่นบาท รวมแล้วมีการยืมเงินไป 112 ครั้ง เป็นเงินกว่า 3 แสนบาท 


น้องแนน กล่าวว่า ได้ติดตามทวงถามมาตลอด จนนักร้องสาวได้ทำการบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง แม้โทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย ตอนนี้ตนเดือดร้อนเรื่องเงินเป็นอย่างมาก ซึ่งเงินที่ถูกนักร้องลูกทุ่งสาวยืมไปตนได้นำรถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ และกู้หนี้เงินนอกระบบ ต้องแบกรับภาระมาตลอด จนถึงขึ้นใช้เชือกผูกคอบนรถสิบล้อเพื่อหวังฆ่าตัวตายเพราะเกิดจากความเครียดเรื่องปัญหาการเงิน 


ด้านตัวแทนของมูลนิธิ “เป็นหนึ่ง” กล่าวว่า คุณแนนได้ทักไปหาเพจเป็นหนึ่งทางอินบ็อกซ์ให้เข้ามาช่วยเหลือ ตอนแรกดูจากการที่คุณแนนส่งเอกสารมาให้ คิดว่าให้ยืมเงินด้วยความเสน่หา แต่พอนำเอกสารมาดูอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่เป็นการยืมเงินกันตามปกติ จึงคิดว่าทำไมให้ยืมเงินเป็นเวลานานขนาดนี้ จนมาทราบว่าน้องแนนเกิดความไว้ใจเนื่องจากนักร้องลูกทุ่งสาวมีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ไม่น่าจะโกง จนทราบว่าน้องแนนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย 


สำหรับเงินจำนวน 3 แสนบาท ที่น้องแนนต้องไปหยิบยืมจากหนี้นอกระบบ และนำรถไปเข้าไฟแนนซ์ ภาระมาตกอยู่ที่น้องแนนคนเดียว จึงอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยกันอย่างจริงจัง และขอเป็นคนกลางให้ ได้พยายามติดต่อหานักร้องลูกทุ่งสาวแล้วหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางน้องแนนก็จะยินยอมให้นักร้องสาวผ่อนจ่ายเงินอยู่แล้ว

ต่อมาตัวแทนของมูลนิธิเป็นหนึ่งได้พาผู้เสียหาย น.ส.จารุวรรณ เอี่ยมศรีดี ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พระพุทธบาท โดยมี พ.ต.อ.วีระวุฒิ ดำสุวรรณ ผกก.สภ.พระพุทธบาท และพนักงานสอบสวนเข้าร่วมสอบปากคำเบื้องต้นพร้อมรับเรื่อง และจะให้ น.ส.จารุวรรณ มาให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และทางมูลนิธิเป็นหนึ่งจะให้ทนายความยื่นหนังสือถึงนักร้องสาว เพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย.