ปรากฎการณ์เอลนีโญพ่นพิษ กระทบข้าวนาปรังที่ จ.ราชบุรี ทำให้ต้นข้าวขาดน้ำ ข้าวไม่แตกกอ และมีลักษณะแคระแกร็น การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ทำให้ เมล็ดข้าวเล็กลีบ ผลผลิตหายไปกว่า 30% วอนหาทางช่วยเกษตรกร

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการปลูกข้าวเป็นลำดับที่ 2 ของจังหวัดราชบุรี หลังทราบว่าผลผลิตข้าวนาปรังปีนี้ลดลงอย่างมาก อันเป็นผลกระทบมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ พบกับ นายบัณฑิต นิลบุตร ชาวนา ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง กำลังเร่งเก็บเกี่ยวข้าวสายพันธุ์ปทุมธานี บนเนื้อที่ 7 ไร่ ส่งขายให้กับโรงสีโดยสามารถเก็บผลผลิตได้เพียง 50% ของการเพาะปลูก

...

นายบัณฑิต เปิดเผยว่า ฤดูนาปรังปีนี้ ตนและชาวนาในพื้นที่ร้อยละ 80 เริ่มปลูกข้าวช่วงต้นเดือนมีนาคม ตามรอบการปล่อยน้ำของชลประทาน โดยในระหว่างที่ปลูกเป็นช่วงฤดูร้อน ทั้งอากาศและน้ำในนาข้าว จึงมีอุณหภูมิที่สูงมากกว่าปกติ ทำให้ต้นข้าวไม่แตกกอ และมีลักษณะแคระแกร็น ในทางตรงข้ามหญ้าวัชพืชกลับเจริญเติบโตได้ดี เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงข้าวเริ่มตั้งท้อง ความร้อนยังทำให้ต้นข้าวเกิดอาการเกสรแห้ง ส่งผลให้ผสมเกสรได้ไม่สมบูรณ์ เมล็ดข้าวที่ได้จึงลีบไม่เต็มเมล็ด ช่อรวงสั้น และยังเกิดเป็นเชื้อรา จากฝนหลงฤดูที่ตกลงมาในพื้นที่ ทำให้ผลผลิตข้าวในรอบนี้ เหลือเพียงประมาณ 300-400 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิมที่เคยได้อยู่ประมาณ 700-800 กิโลกรัมต่อไร่

ชาวนาในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง กล่าวต่อว่า สำหรับราคารับซื้อข้าวรอบนี้ประมาณ 9,000-9,500 บาทต่อตัน ขึ้นอยู่กับความชื้น ขณะที่ มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทต่อไร่ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมกับการใช้ปุ๋ยเคมี เพื่อลดต้นทุน แม้ว่าการปลูกข้าวรอบนี้ จะตกอยู่ในภาวะขาดทุน แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็คงจะต้องทำอาชีพนี้ต่อไป โดยหลังจากนี้ต้องปรับตัวรับกับสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่การวางแผนเลือกช่วงเวลาปลูก เตรียมแหล่งและสายพันธุ์ข้าวให้เหมาะสม กับสภาพพื้นที่และอากาศ รวมถึงการเตรียมดินกำจัดวัชพืช เพื่อลดการแย่งธาตุอาหาร

ด้าน นายพิเชษ รวมทรัพย์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด เปิดเผยว่า สหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง ดำเนินธุรกิจในเรื่องของสินเชื่อ การจัดหาบริการ และสินค้าส่งเสริมการเกษตร มาจำหน่ายให้กับสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 400 ราย รวมไปถึงการเป็นตลาดกลางรับซื้อข้าวเปลือก หรือท่าข้าว ทั้งจากในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และ อ.ท่ามะกา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ในส่วนของสายพันธุ์ข้าวที่รับซื้อ ได้แก่ สายพันธุ์ปทุมธานี 1, สุพรรณบุรี 1, กข85 และ กข79 จากข้อมูลที่ผ่านมา ในแต่ละรอบการผลิต สหกรณ์จะมีปริมาณข้าวเปลือกเข้าระบบกว่า 10,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยจะมีพ่อค้าจาก จ.นครปฐม และ จ.สุพรรณบุรี เข้ามารับซื้อ

...

ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง กล่าวต่อว่า แต่จากผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปรังในรอบปีนี้ คาดว่าจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 30 หรือเหลือเพียงประมาณ 7,000 ตัน ขณะที่ในรอบนาปรังปีนี้ ราคารับซื้ออยู่ในเกณฑ์ที่สูง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000-9,500 บาทต่อตัน อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการลดต้นทุนการผลิต ทั้งค่าปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าว และน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงการขยายตลาดไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคารับซื้อข้าวจากชาวนา ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากให้ราคารับซื้อเฉลี่ยขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ต้องเผชิญกับปัญหาปริมาณผลผลิตลดลงจนกระทบกับรายได้.