ที่สวนลุงเกษม ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นสวนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่สวน GI ประกอบด้วย ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี พันธุ์กระดุมทอง และพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ ที่มีเนื้อแห้ง หนา เส้นใยน้อย หวานมัน ทำสวนปลูกผลไม้ตามฤดูกาล อาทิเช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ ขณะนี้ผลไม้ทุกชนิดกำลังออกผล และลุงเกษมได้นำออกวางขายทั้งปลีกและส่ง ที่บริเวณริมถนนสายสุวินทวงศ์ ต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ที่สวนลุงเกษมกำลังเป็นช่วงพีกที่สุดเนื้อแข็ง แห้ง หอมหวานมัน กำลังสุก และรับประทานได้อร่อย
ทุเรียนส่วนลุงเกษมเป็นทุเรียน GI หรือ Geographical Indication หมายถึง สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ คือเครื่องหมายที่ได้รับจากการขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว GI จึงเปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า
จากการที่เป็นทุเรียน GI ของสวนลุงเกษม ทำให้ลูกค้าที่เคยซื้อไปรับประทานติดใจในรสชาติ ต้องขับรถไปซื้อจากร้าน รวมทั้งบรรดาแม่ค้าต่างจังหวัดโทรมาสั่งจองวันละหลายราย ทั้งแม่ค้าในตลาด อ.ต.ก. และแม่ค้าทั่วไป ทางสวนต้องตัดส่งให้กับลูกค้าสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 1,000 กก. และที่พีกสุด สวนลุงเกษมได้ส่งขายไปประเทศเยอรมนีทุกสัปดาห์อีกด้วย
...
ส่วนที่แผงหน้าร้าน ยังคงวางขายให้กับลูกค้าขาประจำที่มาจากต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ที่ขับรถเดินทางมาซื้อด้วยตนเองทุกวัน เฉลี่ยทางร้านต้องแกะทุเรียนใส่กล่องขายให้กับลูกค้าวันละกว่า 100 กล่อง โดยขายกิโลกรัมละ 500 บาท หากลูกค้าที่ต้องการซื้อเป็นลูก ทางร้านจะขายทุเรียนหมอนทอง กก.ละ 230 บาท ชะนี กก.ละ 350 บาท ก้านยาว กก.ละ 300 บาท รวมแล้วร้านสวน “ลุงเกษม” สามารถขายทุเรียนสร้างรายได้วันละกว่า 250,000 บาท
นางกฤษณา ขุงทอง อายุ 57 ปี ลูกสาวลุงเกษม ที่คอยขายทุเรียนบริการลูกค้าหน้าแผงผลไม้ กล่าวว่า ทุเรียนส่วนหนึ่งส่งไปที่ตลาดรังสิต เพื่อส่งไปขายที่ประเทศเยอรมนี อีกส่วนส่งไปขายตลาด อ.ต.ก. กรุงเทพฯ และขายหน้าสวนผลไม้ ผู้สนใจสามารถเดินทางมาซื้อได้ที่ร้าน ตั้งอยู่ริมถนนสุวินทวงศ์ ตรงข้ามปั๊ม ถ.เจริญ ต.ไม้เค็ด ร้านหลังคาสีแดง และรูปปั้นทุเรียนลูกใหญ่ข้างร้าน หรือค้นหาใน GPS สวนลุงเกษมก็ได้