ตชด.137 พร้อม ตม.จว.ราชบุรี สภ.สวนผึ้ง ฉก.ทัพพระยาเสือ รวบแรงงานต่างด้าวลอบหลบหนีเข้าเมือง 34 คน พร้อมผู้นำพา 2 คน สารภาพลัดเลาะข้ามแดนช่องทางธรรมชาติ จ่ายค่าหัวรายละ 2-2.5 หมื่นบาท คนนำพา 3-5 พันบาท หวังทำงานฝั่งไทย


เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 6 มี.ค. 65 พ.ต.ต.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย.ตชด.137 พร้อม พ.ต.ท.อังคาร ยะสะนพ สวญ.ตม.จว.ราชบุรี, ร.ต.อ.บัณฑิต แจ่มจันทร์ รอง - ร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รองผบ.ร้อย.ตชด.137, พ.ต.ท.อังคาร ยะสะนพ สวญ.ตม.จว.ราชบุรี, ร.ต.ท.เสิน พระแท่น หน.ชุด ชปข (ชุดปฏิบัติการข่าว), นายยุทธพล จรูญเรือง ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอสวนผึ้ง และจนท.หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ได้สนธิกำลังกว่า 30 นาย เข้าสกัดจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวน 34 คน แยกเป็นหญิง 16 คน และชาย 18 คน พร้อมคนนำพา 2 คน ทั้งได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะแค็บ ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บร 1123 กาญจนบุรี และรถยนต์กระบะแค็บ ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒข 4090 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของกลางที่ใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว

...

โดยสามารถสกัดจับกุมได้ที่บริเวณ หน้าเทศบาลตำบลสวนผึ้ง ถนนราชบุรีผาปก หมู่ที่ 1 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จึงได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดพร้อมผู้นำพา มาสอบสวนขยายผลที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137 พร้อมตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK เบื้องต้นพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด 1 ราย ทำให้แรงงานทั้งหมดกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

จากการสอบสวน นายอาทิตย์ หรือ โจ มูเซอ อายุ 26 ปี ผู้นำพาชาวไทย พร้อม นายชาติชาย หรือ บี มูเซอ อายุ 25 ปี ผู้นำพาชาวไทย ให้การว่า ทั้งคู่ได้รับจ้างขนแรงงานต่างด้าว หลังแรงงานทั้งหมดได้ลักลอบข้ามพรมแดนเข้าฝั่งไทยมาแล้ว โดยได้ข้ามชายแดนมาตามช่องทางธรรมชาติ จากนั้นทั้งคู่จะขับรถตระเวนไปรับแรงงานตามจุดแนวชายแดนต่างๆ ที่ได้นัดหมายไว้ ก่อนจะพามาหลบในพื้นที่อ.สวนผึ้ง เพื่อรอผู้นำพาอีกทีมไปส่งต่อเป็นทอดๆ โดยทั้งคู่ได้ค่าจ้างขนแรงงานหัวละ 500 บาท ซึ่งทั้งคู่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง และสามารถหลบหนีการจับกุมของจนท.ไปได้ ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่มาถูกจนท.ตามจับกุมได้ในที่สุด

สอบถามแรงงานต่างด้าวที่สามารถพูดภาษาไทยได้ เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าซึ่งเป็นชาวพม่า ว่าสามารถนำพาพวกตนลักลอบเข้ามาทำงานในสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทยได้ โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นชาวพม่ามาด้วยกัน คนละ 20,000 - 25,000 บาท และต้องจ่ายค่านำพา 3,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่า จะไปทำงานพื้นที่ใดจังหวัดไหน โดยแรงงานทั้งหมดมาจากหลายพื้นที่ในประเทศพม่า บางส่วนที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาฝั่งไทย เพราะต้องการหนีภัยสงครามภายในประเทศ

ด้าน ร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รองผบ.ร้อย.ตชด. 137 กล่าวว่า การสนธิกำลังจับกุมแรงงานต่างด้าวในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน เป็นพาหนะในการขนย้ายแรงงาน จึงได้ประสานจนท.ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองจ.ราชบุรี, จนท.ทหารจากหน่วยทัพพระยาเสือ, จนท.ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง และจนท.ฝ่ายปกครอง อ.สวนผึ้ง เพื่อสนธิกำลังตามติดจัมกุมรถยนต์กระบะต้องสงสัยทั้ง 2 คันตามที่สายข่าวรายงาน กระทั่ง 23.00 น. จนท.ได้พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยตามที่สายรายงาน จึงพยายามติดตามจับกุม แต่รถกระบะทั้งสองคันได้ขับหลบหนีจนท. ทำให้จนท.ต้องขับรถไล่ล่า จนสามารถติดตามจับกุมได้ที่บริเวณหน้าเทศบาลตำบลสวนผึ้ง จากการตรวจค้นแรงงานทั้งหมด ไม่พบเอกสารระบุเป็นชาวไทย จึงได้ควบคุมตัวแรงงานทั้งหมด พร้อมผู้นำพามาสอบสวนที่กองร้อย ตชด.137 เพื่อคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจะส่งตัวดำเนินคดี และผลักดันส่งกลับประเทศต่อไป

...

เบื้องต้นจนท.ได้ทำบันทึกประวัติแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไว้ ก่อนจะนำตัวทั้งหมดเข้าศูนย์กักกันโควิด-19 ภายใน ร้อย.ตชด.137 เพื่อรอตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง เนื่องจากทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก่อนจะนำตัวแรงงานต่างด้าวและผู้นำพาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.สวนผึ้ง ในฐานความผิด ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ส่วนผู้นำพาจะถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมจะขยายผลติดตามจับกุมทีมผู้นำพาที่เหลืออีกด้วย.