ชาวสุพรรณบุรี ยื่นฟ้อง กระทรวงเกษตรฯ กรมชลประทานต่อศาลปกครอง บริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด ทำน้ำท่วมมามากและท่วมนาน นากุ้งเจ๊งกันระนาว เรียกค่าเสียหาย 142 ล้านบาท ยังมีอีก 2 พันรายจ่อฟ้องเพิ่ม
เวลา 09.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ได้มีกลุ่มชาวบ้านบางส่วนจาก อ.สองพี่น้อง และอ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อม ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.ทส. ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความ พร้อมทีมทนายความ เดินทางไปที่ศาลปกครองสุพรรณบุรี เพื่อยื่นฟ้องกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกค่าเสียหายจากการที่กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำโดยผิดพลาด ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงและน้ำท่วมขังในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งที่พักอาศัยและที่ทำกิน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 100% และส่วนใหญ่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว มีภาระหนี้สินจำนวนมาก โดยได้มีชาวบ้านอีกมากกว่า 2 พันครอบครัวได้แสดงเจตนาที่จะยื่นฟ้องกรมชลประทานกับพวกต่อทนายความแล้ว แต่ในวันนี้ ได้มีการยื่นฟ้องแล้วเป็นจำนวน 210 คน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 142 ล้านบาท
...
ด้าน ดร.อุดม กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านต้องยื่นฟ้องกรมชลประทานกับพวกต่อศาลปกครองสุพรรณบุรี ก็เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในปี 2564 ที่กรมชลประทานได้ระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีโดยไม่ยอมระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพราะเกรงว่าอาจเกิดปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดปริมณฑลและกรุงเทพมหานคร แต่ปล่อยให้ชาวสุพรรณบุรีต้องได้รับความเดือดร้อนเสียหายเพียงจังหวัดเดียว
"ที่สำคัญ รัฐบาลให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่เสมอว่าเป็นห่วงชาวสุพรรณบุรีที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่กลับไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะเมื่อชาวบ้านทราบว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาให้แก่ชาวบ้านในจังหวัดสุพรรณบุรีเพียงครอบครัวละ 50,000 บาทเศษ ทั้งที่ชาวบ้านได้รับความเสียหายจริงมากกว่าเงินที่รัฐบาลจะจ่ายชดเชย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยอมรับได้ จึงได้รวมตัวกันยื่นฟ้องกรมชลประทาน"
สำหรับในการฟ้องคดีครั้งนี้ของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากจะเรียกค่าเสียหายตามที่ชาวบ้านได้รับความเสียหายจริงจากกรมชลประทานแล้ว ชาวสุพรรณบุรียังต้องการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทานกำหนดนโยบายบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการระบายน้ำอย่างเป็นธรรม โดยการกระจายมวลน้ำที่มีจำนวนมหาศาลให้ลงสู่พื้นที่แก้มลิงต่างๆ อย่างเหมาะสม มิใช่ระบายน้ำลงสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเพียงแห่งเดียว และชาวบ้านยังขอพึ่งบารมีศาลปกครองสุพรรณบุรี ให้ห้ามกรมชลประทานระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีในปริมาณน้ำที่เกินกว่าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจะรองรับน้ำได้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับปัญหาน้ำท่วมในปี 2564 นี้อีกด้วย ส่วนหากพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ที่เดือดร้อน อยากฟ้องร้องเพิ่มเติม ให้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ส.อบจ. หรือ ส.ส.ในพื้นที่ จะประสานติดต่อทนายความให้พามายื่นฟ้องต่อไป
นางกันต์กมล ศีรเกษสุข อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/2 ม.6 ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง กล่าวว่าตนประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อกุ้งมา 2 เดือน 10 วัน ปีนี้น้ำมาเร็วมากทำให้ป้องกันไม่ทัน จึงอยากให้ทางการเยียวยาตามความเสียหายจริง ซึ่งตนเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ผสมกุ้งขาว เสียหายประมาณ 1 ล้านบาท ตอนนี้แทบหมดตัว ต้องหาผักในทุ่งกิน กับรอของแจก การเดินทางก็ลำบาก อยากให้ทางราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.สุพรรณบุรี อย่างเร่งด่วนด้วย