"มาดามรถถัง" เจ้าของ บริษัทชัยเสรีฯ ที่ค้าขายกับกองทัพไทยมาตั้งแต่จอมพลประภาส เตรียมส่งมอบรถเกราะล้อยาง 15 คันให้ UN ใช้ประจำการที่ภูฏาน เผยพัฒนาถึง 5 แบบจนประสบความสำเร็จกันกระสุนได้ทั้งคัน ตั้งใจให้ทหารไทยได้ใช้ก่อนแต่กองทัพบอกไม่มีเงินซื้อ จะให้ใช้ฟรีก็ไม่มีกฎหมายรองรับ
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ที่บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี นางนพรัตน์ กุลหิรัญ เจ้าของฉายามาดามรถถัง ผู้ก่อตั้ง บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ได้เตรียมความพร้อมส่งมอบรถเกราะล้อยาง สีขาว 4x4 รุ่น First Win ในการปฏิบัติภารกิจของ UN จำนวน 15 คัน เพื่อส่งมอบประเทศภูฏาน ไปประจำการ ในวันที่ 19 พ.ย.
นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือ "มาดามรถถัง" ผู้ก่อตั้ง บริษัทชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ.2506 และเริ่มค้าขายกับกองทัพไทย มีสัญญาฉบับแรก ในสมัยพลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นผู้บัญชาการทหารบก พ.ศ.2511 โดยมีสัญญาซ่อมบำรุงรถ ค้าขายอะไหล่รถให้กับกองทัพ ส่วนมากคือการซ่อมรถต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้รวมระยะเวลา 54 ปีแล้ว สิ่งที่โรงงานเราทำคือ 1.การซ่อมรถให้กองทัพทุกชนิด ตั้งแต่รถจิ๊ป M151 รถบรรทุกทหาร M35 รถกู้ซ่อม รถถังทุกชนิด รถถังจีน รถถังอเมริกัน M113 M60 M48 ส่วนเรื่องที่ 2.เนื่องจากเราซ่อมรถมาเยอะโดยเฉพาะรถเกราะล้อยาง รถข้อต่อสายพาน หรือที่เขาเรียกว่ารถถังในโลกนี้มี 2 แบบ ประเภทแบบตีนตะขาบ ซึ่งบริษัทชัยเสรี ของเราได้ผลิตช่วงล่างทั้งหมดของรถถังขายไปทั่วโลก 44 ประเทศ หมายถึงขายโดยตรงถึงกองทัพในแต่ละประเทศ และ 3.ชัยเสรีสามารถผลิตรถเกราะล้อยางที่เราออกแบบเอง โดยคิดค้นดัดแปลงรถปิกอัพมาติดเกราะแต่มีน้ำหนักมากจึงไม่ประสบความสำเร็จ เราเอารถฮัมวี่มาติดเกราะก็ไม่ดีอีก เนื่องจากรถแต่ละชนิดที่เขาทำมาได้คำนวณน้ำหนักที่เหมาะสมแล้ว เมื่อเพิ่มเกราะไปการเคลื่อนที่ก็ลำบาก เราจึงคิดค้นออกแบบใหม่เป็นรถเกราะล้อยางที่สามารถกันกระสุนกันระเบิด รถเกราะของเราจะไม่เหมือนรถเกราะของประเทศต่างๆ ที่กันเฉพาะห้องผู้โดยสาร ซึ่งรถเกราะล้อยางของเราสามารถป้องกันได้ทั้งคันเลย และใต้ท้องรถก็สามารถกันระเบิดได้ เราพัฒนาถึง 5 แบบจึงประสบความสำเร็จ และสามารถขายให้กองทัพ
...
"อุตสาหกรรมป้องกันประเทศเมื่อผลิตแล้วประเทศผู้ผลิตไม่ได้ใช้ก็อย่าหวังว่าจะไปขายให้ประเทศต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีความสำคัญมากก็คือ เมื่อเราผลิตแล้ว ประเทศไทยเราต้องใช้ก่อน เมื่อเราขายให้กองทัพไทยได้ เราก็ขายให้กองทัพมาเลเซีย อินโดนีเชีย รวมถึงขายให้กับ UN เนื่องจากเราซ่อมรถให้กับ UN ทุกชนิด ประสบการณ์ในการซ่อมรถมาอย่างยาวนานจึงได้รับความไว้วางใจจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก แต่ประเทศไทยของเรามีแอ็กชันน้อยในเรื่องแบบนี้ เพราะถือเป็นหน้าตาของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มของประเทศอาเซียน ไม่มีประเทศใดที่ผลิตและซ่อม นอกจากประเทศไทย ซึ่งก็มีคติอยู่ข้อหนึ่งคือไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ
เมื่อปี พ.ศ.2562 ทางกองทัพไทยจะต้องไปรักษาสันติภาพที่ประเทศเซาท์ซูดานในฐานะสมาชิก UN ด้วยความเป็นห่วงคนไทยที่จะไปปฏิบัติภารกิจ ชัยเสรี จึงออกแบบรถเกราะพยาบาลที่สามารถช่วยคนได้เยอะๆ แต่กองทัพไทยบอกไม่มีเงินซื้อ เราจึงให้กองทัพไปใช้ไม่ต้องเสียเงิน แต่กองทัพปฏิเสธการรับเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งเราก็เสียใจที่ทุ่มเททั้งกลางวันกลางคืน เพื่อที่จะสร้างรถเกราะพยาบาลที่ในโลกยังไม่มีใครทำ ทาง UN ทราบว่าประเทศไทยไม่รับ โดยทาง UN เขามองในเรื่องความปลอดภัยของกำลังพล ยินดีรับ ชัยเสรีเป็นบริษัทเอกชนไม่ได้ร่ำรวย ที่เราให้กับกองทัพไทยเพราะเราเป็นคนไทย เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินเป็นสิ่งที่เราทำได้ UN ท่านมีเงิน เราจึงขายรถให้ไปในราคาต้นทุน ซึ่งเขาก็ยินดีรับ รถเกราะล้อยางของเราไปประจำการที่สหประชาชาติฯ
ต่อมา ทางพระราชาจิกมี แห่งประเทศภูฏาน ได้ทำสอบรถเกราะจากทั่วโลก พบว่ารถของประเทศไทยราคาไม่สูง คุณภาพดี เหมาะกับประเทศเขาจึงได้จัดซื้อจำนวน 15 คัน โดยส่งคณะทหารมาฝึกการขับรถ การบำรุงรักษา การซ่อม มีทั้งชุดที่ประจำการที่ประเทศภูฏาน และประจำการที่สหประชาชาติ ทั้งหมดนี้มีสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยวันที่ 19 พ.ย. 64 เวลา 14.00 น. เราจะมีการส่งมอบที่กระทรวงกลาโหม ศรีสมาน นนทบุรี ซึ่งจะมีทูตานุทูต ผู้แทนพระองค์ของพระราชาจิกมี เอกอัครราชทูต ประเทศภูฏาน นับว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ส่งรถเกราะล้อยางไปประจำการที่สหประชาชาติ
ชัยเสรีของเราทำการตลาดกับประเทศต่างๆ ในการซื้อขายได้โดยตรงอยู่แล้ว แต่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจึงเจรจาและการทำสัญญาซื้อขายรถเกราะล้อยางแบบรัฐต่อรัฐ (Government to Government : G to G) โดยเสนอขายจากรัฐบาลเราไปยังรัฐบาลหลายๆ ประเทศ ซึ่งก็มีประโยชน์ต่อประเทศไทยมาก ที่สามารถผลิตยุทโธปกรณ์ จำหน่ายไปทั่วโลก
นางนพรัตน์ กุลหิรัญ กล่าวอีกว่า ในสภาวะแบบนี้รัฐบาลต้องมีผลงาน และแสดงถึงรัฐบาลไทยมีความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งในผู้นำอาเซียน ได้เซ็น MOU กับกองทัพฟิลิปปินส์ ในโครงการขายรถเกราะล้อยางจำนวน 900 คัน โดยลอตแรกจำนวน 200 คันก่อน เพราะฉะนั้นคนขายต้องตามคนซื้อ ถ้าเราจะไปตั้งกฎเกณฑ์โน่นนี่นั่นมากมายและใครจะมาซื้อของเรา การที่เราได้งานแบบนี้ ดีตรงที่ทำให้คนงานเรามีงานทำในสภาวะเหตุการณ์แบบนี้.