กรณีสามีภรรยาที่อ้างว่า ภรรยาท้องลูกแฝด ไปผ่าคลอดแล้วลูกตายแล้วศพเด็กหายที่ จ.สุพรรณบุรี ไม่จบง่าย ตร.เมืองสุพรรณบุรี จ่อเอาผิดแจ้งความเท็จ รพ.เอาเรื่องชาวเน็ตที่มาคอมเมนต์ทำให้ รพ.เสียหาย
ความคืบหน้า กรณีสามีภรรยา ออกมาระบุว่าท้อง ได้ลูกแฝด พาไปฝากครรภ์เรียบร้อย ในวันที่ภรรยาไปคลอดลูกที่ โรงพยาบาลบางปลาม้า มีการผ่าคลอด ต่อมาพบว่าเด็กชายไม่แข็งแรง ต้องเข้าตู้อบ ทำให้ต้องส่งตัวไปเข้าตู้อบที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ก่อนจะมีการโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกชายเสียชีวิตแล้วให้ไปรับศพ เมื่อจะนำศพไปทำพิธี ปรากฏว่า "ศพไม่มี" หนำซ้ำแฝดหญิงที่อยู่โรงพยาบาล ตามคำกล่าวอ้างก็อันตรธานหายไป ขณะที่โรงพยาบาลบางปลาม้า ระบุว่า หญิงคนดังกล่าวไม่เคยมาคลอดลูกในวันเวลาที่เป็นข่าว รวมทั้งไม่ได้ส่งตัวเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
โดยต่อมา สามีภรรยาทั้งคู่ได้ ออกมาระบุว่า ที่อ้างว่า ภรรยาท้องได้ลูกแฝด ไปผ่าคลอดแล้วลูกตายแล้วศพเด็กหายที่ จ.สุพรรณบุรี นั้น และขอโทษกับประชาชนและสังคม รวมทั้งสื่อมวลชนที่ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนรายละเอียดจะไปแถลงที่ รพ.วันที่ 24 พ.ค.นี้ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
...
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.64 พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่อง ก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และเบื้องต้นพบว่าข้อมูลที่ น.ส.กรกนก นำมาแจ้งความไว้นั้นไม่เป็นความจริง และได้ตรวจสอบประวัติการรักษาแล้วพบว่า น.ส.กรกนก ไม่ได้มีประการฝากท้อง และมาคลอดบุตร ที่ รพ.บางปลาม้า และไม่มีเอกสารการส่งตัวลูกฝาแฝดมารักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช แต่อย่างใด ซึ่งทำให้ รพ.ทั้ง 2 แห่งเสียหาย และตอนนี้เตรียมดำเนินคดี แจ้งความเท็จ กับ น.ส.กรกนก เนื่องจากคดีนี้ทางตำรวจเป็นผู้เสียหายด้วย
"ขณะนี้ อยู่ในระหว่างสอบพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นก็จะโทรเรียก น.ส.กรกนก มาข้อกล่าวหา แต่ถ้าไม่มาก็จะออกหมายเรียก ซึ่งจากการตรวจสอบของทางแพทย์ ในตอนนี้ทราบว่า น.ส.กรกนก ไม่ได้มีการตั้งท้อง แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามาแจ้งความแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำให้ผู้อื่นเสียหาย แต่ทางตำรวจก็ต้องให้ความเป็นธรรม และเป็นกลาง ว่ากันด้วยเรื่องพยานหลักฐาน จึงอยากให้ออกมาพูดความจริง จะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา" ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าว
ด้าน นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผอ.รพ.เจ้าพระยายมราช กล่าวว่า ตอนนี้ได้เตรียมนัดประชุม กับตำรวจ นิติกร รพ. และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือกำหนดทิศทาง เพื่อจะดูว่าที่พ่อและแม่ของเด็ก ทำไปนั้น มีวัตถุประสงค์ อะไรกันแน่ เพราะสิ่งที่ทำมันทำให้องค์กรเสียหาย และเสียเวลา ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงสถานการณ์ โควิด-19 เจ้าหน้าที่ทุกคนมีภาระหนักที่ต้องช่วงเหลือประชาชน แต่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
ผอ.รพ.เจ้าพระยายมราช กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องคดี มีการแจ้งความแน่นอน และจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้าคอมเมนต์ ทำให้ รพ.เกิดความเสียหาย เพราะถือว่าเป็นการส่งเสริมข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้กำลังเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาดำเนินคดีทั้งหมด เพราะไม่อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคต อยากให้รู้ว่าก่อนจะทำอะไร ควรตรวจสอบข้อมูลความจริงให้แน่ชัดเสียก่อน เพราะมันทำให้คนอื่นหรือองค์การเสียหาย แค่อ่านและด่าว่ากัน จนสนุกมือ
ขณะที่ พระไสว พระลูกวัดสวนแตง ที่รับนิมนต์ไปเพื่อนำศพเด็กกลับมาทำพิธี กล่าวว่า หลังจากติดตามข่าวก็ยังแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เป็นพระ ทำพิธีฌาปนกิจศพเด็กมา ไม่เคยพบเคยเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อน โดยปกติแล้วญาติจะนิมนต์พระไปนำศพ พร้อมเชิญวิญญาณเด็กมาที่วัด แต่นี่ก็ยังเอะใจว่าแม่เขาอุ้มมาเอง ถ้าหากหลวงพ่อไม่บอกให้สัปเหร่อ เอาสายสิญจน์มัดตราสังที่ข้อมือเด็ก ก็เผาผ้าเผาโลงเปล่าไปแล้ว” โลงศพตอนนี้ก็ยังอยู่ที่วัด ฝากบอกไปถึงพ่อแม่เขาด้วยว่าจะมาเอากลับไป หรือจะนำไปทำอะไรต่อก็ให้มาแจ้ง
...
ส่วน นายสุวรรณ สะประทุมมาศ อายุ 49 ปี สัปเหร่อคนที่ทำพิธี กล่าวว่า ทันทีที่แม่อุ้มลูกมา ก็เดินตรงมาที่โลงศพ ที่ตั้งไว้อยู่ที่วัดอยู่แล้ว ก่อนที่สัปเหร่อจะให้แม่เด็กวางศพลูกในโลง โดยทางญาติก็ยืนดูอยู่ห่างๆ ซึ่งระหว่างนั้นพระไสวไปเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้น ตนก็จะเปิดผ้าเพื่อมัดตราสัง แต่แม่เด็กเป็นคนบอกว่าไม่ให้เปิดผ้า โดยไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร ตนก็เลยมัดตราสังไว้กับผ้าขนหนู และเมื่อพระไสวออกมา ก็บอกกับตนว่า ผูกแบบนี้ไม่ได้ ให้แกะผ้าเพราะต้องมัดตราสังที่ข้อมือเด็ก ตนจึงแกะผ้าออก แล้วแม่เด็กก็ร้องไห้.