ป.ป.ท.ลงดาบเชือด “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ออกจากราชการ คดีเผาบ้าน “ปู่คออี้” พ่อเฒ่ากะเหรี่ยงบ้านบางกลอยพร้อมชาวบ้านวอด 100 หลัง มีมติชี้มูลความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ส่งสำนวนต่อให้ต้นสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯฟันวินัย ให้อัยการดำเนินคดีอาญา ด้านปลัด ทส.ชี้อุทธรณ์ไม่ได้เพราะเป็นกฎหมาย ต้องออกจากราชการภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ท.

อดีตหัวหน้าอุทยานฯคนดังถูก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดให้ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ที่มีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นประธาน ได้ประชุมในคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี กรมอุทยานแห่งชาติฯ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และพวกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติรวม 6 คน ได้เข้ารื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆของนายโคอิ หรือปู่คออี้ มีมิ พ่อเฒ่าชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน และของชาวบ้านอีกหลายราย โดยที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และมีมติให้ออกจากราชการ โดยขั้นตอน หลังจากนี้ ป.ป.ท.จะส่งสำนวนให้ต้นสังกัดคือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อให้ดำเนินการทางวินัย และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการในคดีอาญา

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามนายประสาท พงษ์ศิวาภัย ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เมื่อถามว่ามติ ป.ป.ท.ดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ นายประสาท กล่าวว่าก็เป็นไปตามนั้น

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า เบื้องต้นทราบข่าวแล้วแต่ยังไม่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ท.อย่างเป็นทางการ แต่ถ้าหนังสือจาก ป.ป.ท.มาถึง ทส.จะมีการแยกสำนวน ถ้าเป็นข้าราชการระดับ 9 เป็นอำนาจของ อ.กพ.กระทรวงที่จะชี้มูลความผิดได้เลย แต่หากเป็นข้าราชการต่ำกว่าระดับ 9 จะต้องส่งเรื่อง ไปยังกรมต้นสังกัดของข้าราชการที่ถูกชี้มูล จากนั้นต้องนำเข้า อ.กพ.ของกรมต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อ ป.ป.ท.ชี้มูลและมีมติออกไปแล้ว ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้นคือไม่สามารถขัดมติได้ มติ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ท. นายชัยวัฒน์ต้องออกจากราชการ เมื่อถามว่านายชัยวัฒน์สามารถอุทธรณ์มติ ป.ป.ท.ได้หรือไม่ นายจตุพรตอบว่า ไม่สามารถอุทธรณ์ได้เพราะเป็นกฎหมายตามความผิดที่ ป.ป.ท.ชี้มูลทันที

...

ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ กล่าวว่า มติของ ป.ป.ท.ทำให้เกิดความยุติธรรมต่อปู่คออี้ และชาวบ้าน 98 หลัง ที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯเผาตามยุทธการตะนาวศรี ที่มีทั้งภาพจำนวนพื้นที่ที่ถูกเผาคือใจแผ่นดิน อยู่ในรายงานของอุทยานฯแก่งกระจานชัดเจน ไม่ใช่กองกำลังต่างชาติที่เข้ามาค้ายาเสพติดตามที่เจ้าหน้าที่อ้าง ใครทำอะไรก็ต้องได้รับโทษ และยังมีอีกคดีที่ยังไม่เสร็จคือคดี “บิลลี่” นายพอละจี รักจงเจริญ ที่หายตัวไป กระทั่งดีเอสไอพบหลักฐานสำคัญและยืนยันว่าเป็นการฆาตกรรมที่ยังอยู่ในขั้นตอนของอัยการสูงสุด

ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามนายชัยวัฒน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5-9 พ.ค.2554 นายชัยวัฒน์และพวกเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติ ได้เข้ารื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆของนายโคอิ หรือปู่คออี้ มีมิ และของชาวบ้านอีกหลายรายซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายกะเหรี่ยงที่หมู่บ้านบางกลอยบนและใจแผ่นดิน ได้รับความเสียหายราว 100 หลัง นายคออี้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนายชัยวัฒน์และพวกต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน และสำนวนถูกส่งไปยัง ป.ป.ท. มีการสืบสวนสอบสวนเป็นระยะเวลานานกว่า 9 ปีกระทั่งมีมติชี้มูลความผิด ขณะที่ความผิดตามมาตรา 217 วางเพลิงเผาทรัพย์ และมาตรา 358 ทำให้เสียทรัพย์กำลังจะขาดอายุความ 10 ปี ในเดือน พ.ค.นี้