กรมป่าไม้แจ้งปทส.เอาผิดเหมืองอัครา 15 คดี รุกที่ป่าพิจิตร-เพชรบูรณ์ 15 แปลง กว่า 73 ไร่ ทั้งทำลายทางสาธารณประโยชน์ของแผ่นดิน ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ผบก.ปทส.เตรียมเสนอ บช.ก.ตั้งคณะสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

กรมป่าไม้ร้องทุกข์กล่าวโทษเหมืองอัครารุกป่าพิจิตร เพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส. นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆไพร) ร่วมแถลงการณ์ขยายผลตรวจสอบเหมืองแร่ บริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ใน จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ หลังการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ บุกรุกพื้นที่ครอบครองการทำประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำลายสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จำนวน 15 แปลง เนื้อที่กว่า 73 ไร่ในท้องที่ จ.พิจิตรและเพชรบูรณ์

พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส.กล่าวว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวกับคดีเดิมเมื่อปี 59 บก.ปทส.จะเสนอกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตั้งคณะทำงานสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย การดำเนินคดีเป็นไปตามพยานหลักฐานที่กรมป่าไม้ได้รวบรวมหลักฐานพิสูจน์ความผิดจริง เนื่องจากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนและมาแจ้งความไว้ก่อนแล้ว หลังจากนี้ต้องดูว่าเหมืองแร่จะมีข้อโต้แย้งใดอีกบ้าง ตำรวจพร้อมให้มาชี้แจง ยืนยันไม่มีผลกับการพิจารณาคดีตามกระบวนการอนุญาโต ตุลาการกับรัฐบาลไทย

...

ด้านนายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบประกอบการรวบรวมพยานหลักฐานได้พบการกระทำผิดเกี่ยวกับที่ดินของบริษัท รวมพื้นที่ 15 แปลงใน 2 จังหวัด แบ่งเป็นการแปลงประทานบัตรใน อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร บุกรุกผืนป่ารวม 35 ไร่ แปลงประทานบัตรใน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ 16 ไร่ และบ่อกักโลหะกรรมที่ 1 พื้นที่บ้านวังทรายพูนใน บุกรุกป่า 4 ไร่ บ่อกัก โลหะกรรมที่ 2 พื้นที่เดียวกัน บุกรุกป่า 3 ไร่ เป็นการกระทำผิด 3 ประการ คือ 1.ทำลายถนน, ทางสาธารณะที่ไม่ได้ขอใช้ประโยชน์กับกรมป่าไม้ 2.ทำเหมืองแร่ออกนอกพื้นที่ได้รับอนุญาต 3.นำพื้นที่ที่อนุญาตใช้ประโยชน์ไปออกเอกสารสิทธิ จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ บก.ปทส. ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรือเป็นการนำไปต่อสู้คดีความที่มีการฟ้องร้องกันระหว่างบริษัทแม่กับรัฐบาลไทย

ส่วนนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆไพร) กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ย้อนไปดูคำสั่ง คสช.เมื่อปี 2559 ระบุให้เหมืองหยุดกิจการเพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาดจากเรื่องสิ่งแวดล้อม สาธารณสุขและชีวอนามัย ไม่ใช่สั่งปิดกิจการ นับตั้งแต่ปี 2560 ได้ประสานการปฏิบัติภารกิจหลายหน่วย พบการขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้โดยไม่ถูกต้อง ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยา-ศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย