ลุงสมชาย โชเฟอร์แท็กซี่วัย 60 ปี คิวห้างบิ๊กซี สมุทรสาคร ที่ตัดสินใจเผาตัวเอง เสียชีวิตแล้วคาดน้อยใจถูกต่อว่าเรื่อง "รถเก่า-ไม่กดมิเตอร์" ประกอบกับปัญหาสุขภาพ เพื่อนสนิทเศร้า เผยมรดกสุดท้ายมอบเสื้อคิวให้ 3 ตัว

จากเหตุการณ์ที่นายสมชาย บรรลุดี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/40 ม.6 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จุดไฟเผาตัวเองภายในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีเหลือง ที่ดัดแปลงมาจากรถแท็กซี่เก่า ทะเบียน 7 กก 1605 กรุงเทพมหานคร บริเวณลานจอดรถแท็กซี่ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสมุทรสาคร ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จนไฟลุกท่วมทั้งคัน ส่วนลุงสมชาย มีอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร เมื่อเวลา12.00 น.วันที่ 14 ส.ค.

ต่อมา เวลา 07.30 น. วันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับทราบจากทางโรงพยาบาลสมุทรสาครว่า ลุงสมชาย บรรลุดี ได้เสียชีวิตลงแล้ว จากบาดแผลไฟไหม้ ขณะที่ พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มีการสอบปากคำพยานที่เป็นสมาชิกที่ขับรถอยู่ในคิวเดียวกัน ซึ่งก็ได้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ลุงสมชาย นั้น อดีตเคยเป็นคนขับรถแท็กซี่รับจ้างที่คิวบิ๊กซี แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง อายุมาก เป็นคนที่ขี้น้อยใจและค่อนข้างเก็บกด ประกอบกับรถแท็กซี่ที่หมดอายุ จึงหายไปนาน แต่ด้วยความคุ้นเคยกับผู้ดูแล จึงขอกลับมาขับรถอีกครั้งเมื่อราวๆ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มารับจ้างขับแท็กซี่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ด้วยสภาพของตัวรถที่ไม่ถูกต้อง ทางเพื่อนๆ สมาชิกจึงพยายามเตือนให้ลุงสมชาย ไปดำเนินการให้ถูกต้อง มีการกดมิเตอร์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งลุงสมชายก็มักจะไม่ใช้วิธีดังกล่าว

"ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นนี้เรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุ มีข้อมูลยืนยันได้ว่า ลุงสมชายมาหาที่คิวแล้วก็มีการพูดคุยกันในประเด็นเดิมอีก จึงทำให้ลุงเกิดอาการฉุนเฉียวแล้วขับรถออกไป ก่อนที่จะวนกลับมาพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้รถยนต์ จากนั้นก็ไหลไปชนกับรถแท็กซี่ที่จอดไว้"

...

พ.ต.อ.จิระวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำผู้ใกล้ชิดกับลุงสมชาย ก็ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลหรือมาเฟียภายในคิวรถแท็กซี่แต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเกิดจากความน้อยใจของลุงสมชายทั้งสิ้น จนก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นมา โดยในรถยังพบขวดที่มีน้ำมันเหลืออยู่ พร้อมกับไฟแช็กที่ถือในมือและช่วงที่เกิดเหตุภรรยากับลูกเขย ก็ตามมา และอยู่ตรงนั้น จึงยืนยันได้ว่า ไม่ได้เกิดเหตุจากบุคคลอื่นที่มาทะเลาะเบาะแว้งด้วย

ส่วนเรื่องของการสอบปากคำ ด้วยคดีนี้เป็นคดีชันสูตรพลิกศพ ดังนั้น จึงจะต้องมีการสอบสวนในสำนวนชันสูตรพลิกศพอยู่แล้ว คือ มีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อสรุปสำนวนส่งไปยังอัยการ ขณะที่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยังไม่มีการร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเรื่องอื่นใดภายในคิวรถแท็กซี่เพิ่มเติม

ด้านนายป่วน สังข์สวาท อายุ 61 ปี เพื่อนสนิทที่ขับรถแท็กซี่กับลุงสมชาย เปิดใจว่า ตนเองรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และพอมาเช้าวันนี้ได้ข่าวว่านายสมชาย เสียชีวิตลงแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ และไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะคิดสั้นแบบนี้ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากที่ผู้เสียชีวิตมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว เป็นคนคิดมากและขี้น้อยใจ อีกทั้งน่าจะมีปัญหาบางเรื่องที่ไปกระทบความรู้สึกอย่างรุนแรง ทำให้นายสมชายที่มีความรู้สึกเก็บกดมานาน ตัดสินใจยุติปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีการจุดไฟเผาตัวเองในรถคู่กาย ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้มูลเหตุที่แท้จริง แต่ตนเชื่อว่าเมื่อวานนี้ ถ้าตนมาทันก็คงจะห้ามเพื่อนทัน และจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผู้ตายค่อนข้างที่จะเชื่อตน

"สนิทกันที่สุดในบรรดาคนขับรถแท็กซี่ด้วยกัน เพราะอายุใกล้เคียงกัน และเป็นคนที่ทักทายพูดคุยกับนายสมชายเสมอ ซึ่งเมื่อราวๆ 3 เดือนที่แล้ว นายสมชายได้ยกเสื้อคิวแท็กซี่ให้ 3 ตัว โดยบอกว่า “กูให้มึง..เพราะกูจะไม่ขับแท็กซี่แล้ว” จึงนำเสื้อมาใส่ทุกวัน โดยเลาะชื่อลุงสมชายออกแล้วเอาป้ายชื่อตัวเองจากเสื้อตัวเก่ามาปักทับไว้ ส่วนนายสมชาย หลังจากวันนั้นก็มักจะพูดเสมอว่า อยากตาย ทำให้ตายที ทำวิธีไหนแบบไหนก็ได้ให้ตาย เป็นต้น"

นายป่วน ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตนเองรู้สึกเศร้าใจและเสียใจกับครอบครัวนายสมชาย ที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัวที่เป็นคนรักครอบครัวมากไป ขอให้ดวงวิญญาณเพื่อนไปดี ถ้าตนกับเพื่อนๆ ที่ขับแท็กซี่ในคิวเดียวกันมีโอกาสก็จะไปร่วมงานศพเพื่อนอย่างแน่นอน และหลังจากวันนี้วันที่ไม่มีเพื่อนคนเก่า ที่เคยให้เสื้อ 3 ตัว เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายอีกแล้ว ตนก็จะใส่เสื้อของนายสมชาย ขับรถแท็กซี่ต่อไป เพราะตนเชื่อว่าสิ่งที่นายสมชายให้นี้ คือสิ่งที่แสดงถึงความรักและไมตรีระหว่างเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน