ปราจีนบุรีจัดงานวิวาห์เหินฟ้า มอบทะเบียนสมรสกลางผาสูง 70 ซม. มีคู่บ่าวสาวร่วมบันทึกรัก 11 คู่ ที่สุรินทร์จัดงานแต่งบนหลังช้าง, เชียงใหม่จัดพิธีมงคลสมรสแบบล้านนาบนดอยสูงอินทนนท์ และที่สุราษฎร์ฯ จัดวิวาห์คู่รักนั่งขบวนรถไฟ ล่องแพ รับวาเลนไทน์...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่บ้านผางามรีสอร์ท ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ได้จัดงานกิจกรรมวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ขึ้น ปีนี้เป็นปีที่ 8 มีคู่บ่าวสาวจำนวน 6 คู่ เข้าพิธีจดทะเบียนสมรสหมู่กลางภูผา และมอบแหวนให้กัน และกัน ท่ามกลางสักขีพยานที่ไปให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณกลางภูผาน้ำตกเวฬุวัน ที่มีความสูงกว่า 70 เมตร คู่บ่าวสาวทั้งหมดต่างร่วมกันเล่นกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านผางามจัดไว้ให้ เช่น วิวาห์เหินฟ้า พาคู่บ่าวสาวเหวี่ยงไปกับชิงช้ายักษ์สูง 15 เมตร และเจ้าสาวรับหน้าที่โยนช่อดอกไม้ให้ผู้เข้าร่วมงานเพื่อเป็นสักขีพยาน วิวาห์เหาะที่เดียวในโลก บินคู่กันในความสูง 25 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของผืนป่าดงพญาเย็นบนยอดขุนเขา จากนั้นคู่บ่าวสาวได้เดินไปบันทึกรักกลางภูผา โรยตัวสู่น้ำตกเวฬุวัณที่มีความสูงกว่า 70 เมตร ทำการแลกแหวนแต่งงาน และรับจดทะเบียนสมรสซึ่งกัน และกัน ทุกคู่บ่าวสาวต้องโรยตัวลงไปที่หน้าผา โดยมีนายบรรจง สิงทพ นายอำเภอนาดี เป็นผู้มอบทะเบียนสมรส

จ.ส.อ.สุจิตต์ เอี่ยมสำอางค์ เปิดเผยว่า แต่งงานกับคุณอมรรัตน์ แสนราช มาตั้งแต่ปี 2553 ผมตกลงกับภรรยาว่าเราจะไปจดทะเบียนกันในวันลาเลนไทน์ ปี 2554 ซึ่งก่อนจะตัดสินใจมาที่บ้านผางามก็ได้ดูสถานที่มาหลายที่ แต่เราสองคนเป็นคนปราจีนบุรีโดยกำเนิด ก็เลยตกลงกันว่าจะชวนกันไปจดทะเบียนสมรสกลางหน้าผาที่อำเภอนาดี เพราะคิดว่าในชีวิตคนเราแต่งงานเพียงครั้งเดียว น่าจะทำอะไรให้เป็นของขวัญสำหรับการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งผมเป็นคนชอบความตื่นเต้น ท้าทาย เป็นคนชอบผจญภัย ละทำกิจกรรมร่วมกับภรรยา ทำให้ชีวิตคู่มีชีวิตชีวามากขึ้น

วันเดียวกัน นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าฯ สุรินทร์ กล่าวว่า ทางจังหวัดฯ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และหน่วยงาน ส่วนราชการ จัดงาน "จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง" ขึ้นทุกปี เนื่องในวันแห่งความรัก เพื่อเสริมสร้างความอุบอุ่น ความเข้มแข็งและความผูกพันระหว่างสามี และภรรยา ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ วัฒนธรรม ประเพณีการแต่งงานของท้องถิ่นเมืองสุรินทร์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์

ปีนี้ได้กำหนดจัดอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งเป้าหมายคู่สมรสร่วมจดทะเบียน ไว้ 54 คู่ มีกิจกรรมการจัดขบวนแห่ขันหมากของเจ้าบ่าว ด้วยขบวนช้างที่ตกแต่งสวยงาม เข้าร่วมประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญและพิธีแต่งงานแบบ "ซัดเต"​ของชาวกูย จากนั้น คู่บ่าวสาว จะได้ร่วมเลี้ยงอาหารช้าง และนั่งบนหลังช้าง เพื่อประกอบพิธีจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะนั่งบนหลังช้างเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงอาหารคู่สมรสที่บริเวณวังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่ลำน้ำมูลและน้ำชี ไหลมาบรรจบกัน เป็นทัศนียภาพที่สวยงาม จึงขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมเป็นสักขีพยาน และชมความยิ่งใหญ่ของงานจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ณ ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้าง ต. กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์

ที่ จ.เชียงใหม่ นายสุรชัย มณีประกร นายอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งเป็นวันแห่งความรักอำเภอจอมทองได้จัดกิจกรรมเพื่อเอาใจคู่รักในวันวาเลนไทน์ โดยจะจัดจดทะเบียนสมรสบนยอดดอยอินทนนท์ ยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เพื่อให้ชีวิตสมรสไปสู่จุดที่สูงที่สุด โดยจะจัดพิธีสมรสแบบล้านนา เพื่อสร้างความประทับใจให้ชีวิตคู่ โดยสโมสรทหารอากาศ ศูนย์ควบคุม และรายงานดอยอินทนนท์ ได้เปิดให้คู่รักได้รับประทานอาหารกลางวันฉลองสมรสในช่วงเวลากลางวันด้วย พร้อมรับของขวัญของที่ระลึกจำนวนมาก ขอเชิญญาติคู่รักสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นแสนโรแมนติกบนยอดดอยอินทนนท์ และร่วมพิธีมงคลสมรสแบบล้านนาบนยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยในวันวาเลนไทน์นี้

นายอำเภอจอมทอง กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "สมรส สมรัก สูงสุดแดนสยาม รักเรา งดงาม ชั่วนิจนิรันดร์" ส่วนชื่อเป็นภาษาลานนาใช้ชื่อว่า "ฝ้ายเป๋นก๋ำ ฝั้นเป๋นเกลียว ผูกมือเตื้อเดียว อยู่กั๋นกุ้มเฒ่า" นอกจากพิธีมงคลสมรสแบบล้านนาแล้ว ในวันเดียวกัน คู่รักจะได้ร่วมพิธีบวงสรวงพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 ซึ่งมีพระสถูปอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยผู้ร่วมพิธีจะร่วมกันปลูกกุหลาบพันปีไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักให้แพร่ ขยายพันธุ์บนดอยอินทนนท์ด้วย

นายอำเภอจอมทอง กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีคู่บ่าวสาวที่มาสมัครจัดจดทะเบียนสมรสบนยอดดอยอินทนนท์แล้วจำนวน 14 คู่ เป็นคนไทย 13 คู่ ต่างประเทศ 1 คู่ คนไทยมาจากหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนต่างจังหวัดมีจังหวัดลำปาง ลำพูน บุรีรัมย์ สำหรับชาวต่างชาติมาจาก ประเทศนอร์เวย์

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 13 ก.พ. นายไพศาล ตรีธัญญา นายอำเภอพุนพิน, นายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม, นายเชน เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์, พ.ต.อ.นพดล คุ้มภิรมย์ ผกก.สภ.พุนพิน และนายสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี พร้อมข้าราชการประชาชน ได้นำคณะคู่บ่าวสาว จำนวน 11 คู่ ซึ่งมีชาวต่างชาติร่วมด้วยจำนวน 2 คู่ นำ ขบวนกลองยาวแห่ขันหมากจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองท่าข้าม มายังสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี เพื่อนำคู่บ่าวสาว ขึ้นขบวนรถไฟสาย ประวัติศาสตร์เที่ยวเมืองสองท่า ระหว่าง ท่าข้ามของอำเภอพุนพิน-ท่าขนอนของอำเภอคีรีรัฐนิคม

...


มีการจัดเตรียมโบกี้ขบวนรถไฟพิเศษไว้จำนวน 1 โบกี้ มีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้ รูปหัวใจเอาไว้ นำคู่บ่าวสาว นั่งรถไฟ ชมสัมผัสบรรยากาศตลอดสองข้างฝั่งจะได้เห็นทัศนียภาพ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แห่งสายน้ำ และขุนเขา ชมแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ หลังจากนั้นนำคู่บ่าวสาวทุกคู่จะร่วมกันจดทะเบียนสมรสบริเวณสถานีรถไฟบ้าน ดอนรัก ซึ่งเป็นชื่อที่มีความเป็นมงคล โดยมีการทำพิธีรดน้ำสังข์ และจดทะเบียนสมรสโดยมีประชาชนจำนวนรอร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าว ภายในงานมีการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันคู่บ่าวสาวและผู้ที่ร่วมแสดงความยินดี


ช่วงบ่ายคู่บ่าวสาวทุกคู่ ได้ไปร่วมฉลองความสุขบนแพท่องเที่ยวที่ทางเทศบาลเมืองพุนพิน จัดเตรียมไว้ล่องไปตามลำน้ำตาปี มีความสุขกับการขับกล่อมบทเพลงแห่งรักตลอดลำน้ำชมความสวยงามของธรรมชาติวิถี ชีวิตสองข้างทาง ระหว่างท่าข้าม-ต.ศรีวิชัย ชมแหล่งโบราณสถานเขาศรีวิชัยแหล่งลูกปัดโบราณที่มีชื่อเสียง ช่วงเย็นมีงานเลี้ยงรับรองชมการละเล่นพื้นบ้าน ลิเกป่า มโนราห์ พาคู่รักเที่ยวชมหิ่งห้อย ก่อนส่งคู่บ่าวสาวเข้าพักฉลองวันวาเลนไทน์อย่างมีความสุขกับโฮมสเตย์ที่ มีชื่อเสียงของตำบลลีเล็ด และร่วมกันปลูกต้นไม่แห่งรักด้วยกัน แล้วเดินทางกลับอย่างมีความสุขต่อไป.