เคลียร์ทุกประเด็น ผู้การสุพรรณฯ นำทีมแถลงสรุปผลคดีหนูน้อยวัย 2 ขวบชาวพม่าตายในไร่อ้อย สอบหนุ่มดาวน์ซินโดรม จนชัดเจนว่าจูงมือเด็ก แล้วเด็กวิ่งหนีไปตกน้ำ แต่ไม่มีเจตนาฆาตกรรม จึงแจ้งแค่ "พรากผู้เยาว์"
จากกรณี น้องต้าแง หรือ ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ลูกนายผิว และ นางมอ พ่อแม่ของเด็กแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งถูกพบกลายเป็นศพอยู่ภายในร่องน้ำของป่าอ้อยในเขตพื้นที่ ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หลังหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยพบศพเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ธ.ค. ที่บริเวณร่องน้ำ โดยสภาพศพนอนตะแคงข้างอยู่บนกอหญ้าภายในร่องน้ำ ขึ้นอืด มีหนอนไต่ยั้วเยี้ย บริเวณท้องแตกมีไส้ไหลออกมาเหมือนถูกสัตว์กัดแทะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน จึงนำส่งไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งยังมีปมสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตอยู่หลายประเด็น ทั้งหลงป่า ฆาตกรรมอำพราง อุบัติเหตุแล่วนำศพไปทิ้ง หรือแม้แต่คนชักชวนไปเล่นและปล่อยทิ้งไว้ จนล่าสุดคดีคลี่คลาย ได้ข้อสรุปว่า เด็กไปกับชายสติไม่สมประกอบและตกน้ำ โดยที่ชายคนดังกล่าวไม่ได้ลงไปช่วย

...
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่ห้องประชุม สภ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังคเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง ผบก. พ.ต.อ.สมเดช สุขเกษม ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมทีมงานชุดสืบสวนสอบสวนของคดี ได้ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลการทำงาน โดยมีการนำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ทำเป็นแผนชาร์ตขนาดใหญ่เพื่อชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยมีกลุ่มผู้สื่อข่าวจากทุกสำนักมาร่วมรับทราบถึงความเป็นมาของเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นที่เด็กหาย จนถึงพบศพ และการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาแถลงข่าวเพื่อชี้แจงกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.คมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมชุดสืบสวนและสอบสวน ได้ทำงานควบคู่กันไป เพื่อความถูกต้องและชัดเจนที่สุด ไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อสังคม ซึ่งในการส่งศพตรวจพิสูจน์ทั้งที่นิติเวช รพ.ตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ผลการตรวจที่ตรงกัน คือเด็กเสียชีวิตเนื่องจากสภาวะการขาดน้ำ ขาดอาหาร บริเวณกะโหลก แขน ขา ซี่โครง และทุกส่วนของร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย ซึ่งทางตำรวจก็ได้ชี้แจงกับทางพ่อแม่เด็กไปแล้ว ซึ่งทางพ่อแม่เด็กก็ไม่ได้มีการติดใจสงสัยอะไร
ส่วนด้านการสืบสวน หลังจากที่สอบปากคำคนขับรถไถ ซึ่งทำการไถไร่อ้อยในขณะที่เด็กหายตัวไป ก็พบว่านอกจาก นายสมาน ที่ขับรถไถ่อยู่ในขณะนั้น ได้มีนายฝน วัย 32 ปี ซึ่งเป็นเด็กมีปัญหาด้านสมอง เป็นโรคดาวน์ซินโดรม อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มาสอบสวนปากคำ 3 ครั้ง โดยมีนักจิตเวช สหวิชาชีพ และพ่อของเด็ก มาร่วมสอบด้วย ซึ่งสมองเทียบเท่ากับเด็กประมาณ 3-4 ขวบเท่านั้น ซึ่งการสอบต้องใช้วิธีการทางจิตวิทยา
"นายฝน ค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ว่า ได้ไปเจอน้องในจุดที่หายตัวไป จากนั้นก็ได้จูงมือน้องไปเดินเล่นตามถนนในป่าอ้อย โดยได้ถือรถของเล่นเป็นรถแทรกเตอร์ไปด้วย เมื่อเดินมาเรื่อยๆ น้องก็ได้วิ่งหนี และได้ตกลงในร่องน้ำข้างทาง นายฝนบอกว่าเขากลัวจมน้ำ และน้องตัวใหญ่ ช่วยขึ้นมาไม่ได้ จึงได้เดินกลับบ้านไป เจ้าหน้าที่จึงได้ให้นายฝนพาไปยังจุดที่พาน้องไปเล่น และกระจายกำลังค้นหาจนพบศพดังกล่าว หลังค้นหาจนพบศพ ทีมสืบสวนได้ใช้วิธีการบอกนายฝนว่า ช่วยพาไปหาน้องยังจุดที่บอกว่าพบศพ ซึ่งนายฝนก็เดินพาไปได้ถูกถึง 2 ครั้ง จึงเชื่อได้ว่า ที่นายฝนพูดเป็นความจริงตามที่ให้การไว้ จึงทำให้ต้องใช้เวลา และจะต้องมีการเก็บหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการปรักปรำนายฝน ซึ่งมีสติไม่สมประกอบ"
กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา (28 ธ.ค.) ทางพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดี และขอออกหมายจับนายฝนแล้ว ในข้อหาพรากผู้เยาว์เท่านั้น เนื่องจากคำให้การและพยานหลักที่ทั้งหมด สรุปความเห็นได้ว่า นายฝน เพียงแค่พาตัวเด็กไป และไม่ได้ทำร้ายหรือกระทำฆาตกรรมเด็กแต่อย่างใด จึงแจ้งข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์ พร้อมทั้งได้ส่งตัวนายฝนไปอยู่ในความดูแลของ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ รพ.นิติจิตเวช กทม. ส่วนผลการสู้คดีจะออกมาอย่างไร ก็ขึ้นอยู่ในดุลพินิจของศาล

ผบก.สุพรรณบุรี กล่าวต่อถึงในส่วนของข้อกังขาเรื่องระยะทางจากจุดที่เด็กหายตัวไป จนถึงจุดพบศพที่ไกลถึง 5 กิโลเมตร ที่มีข้อสงสัยว่าเด็กจะเดินไปได้ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางทีมสืบสวนได้นำตลับเมตรไปวัดตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดพบศพสุดท้าย ตามคำให้การของนายฝน พบว่าจากจุดแรกวัดตามถนนไปจนถึงสุดถนน วัดได้ประมาณ 700 เมตร จากจุดที่สองทางเดินข้างคูน้ำไปจนถึงจุดพบศพอีก 140 เมตร รวมกันแล้วจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดพบศพมีความยาวประมาณ 840 เมตรเท่านั้น ส่วนที่ทีแรกแถลงข่าวว่า 5 กม.นั้นเป็นการสื่อสารกันผิดพลาด เนื่องจากวันนั้นตนไปประชุมที่ สตช. ส่วนท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์อยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีทีมค้นหาได้แจ้งตนทางโทรศัพท์ว่าพบศพแล้ว ตนจึงถามไปว่าพบตรงไหนและห่างจากกองอำนวยการเท่าไร ก็ได้รับแจ้งว่าประมาณ 5 กม. ตนจึงได้แจ้งทางท่านผู้ว่าฯ ไปว่า 5 กม. ซึ่งเป็นการสื่อสารกันที่ผิดพลาดกันในเบื้องต้น
...
"ทั้งนี้ คดีในส่วนของทีมสืบสวนสอบสวน ถือว่าปิดขั้นตอนในชั้นพนักงานสอบสวนไปแล้ว ส่วนในขั้นตอนต่อไปก็ต้องให้ทางศาลเป็นผู้พิจารณา" ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าว