ยัดกระสอบอัดทรายแน่น ลูกระเบิดอื้อคาดโยงม็อบ ค้นรร.ล่า‘สมบัติ’เจอบ่อน

ทหาร-อีโอดี นำกำลังตรวจคลองรอบทำเนียบรัฐบาลเจออาวุธอื้อ กระสุนปืน-ระเบิดปิงปอง ตะลึง!เจอโครงกระดูกมนุษย์ ในกระสอบทรายถูกถ่วงอยู่ ใต้น้ำ ตำรวจเร่งสาวหลักฐานโยงปมการชุมนุมหรือไม่ ระดมกำลังค้นโรงแรมหรูกลางเมืองพิษณุโลก ล่าตัว “สมบัติ บุญงามอนงค์” คว้าน้ำเหลว พบเป็นแค่บ่อนพนัน บก.ลายจุดโพสต์เฟซบุ๊กเย้ย คสช. ท้าแน่จริงตามจับตัวให้ได้ กลุ่มรัฐประหารมอบดอกไม้ขอบคุณสถานทูตออสเตรเลีย หลังประกาศลดความสัมพันธ์คณะรัฐประหาร “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ฉะกองทัพจับกุมผู้ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน

หลังจากมีการเปิดใช้ทำเนียบรัฐบาลให้ข้าราชการและสื่อมวลชนกลับมาทำงานตามปกติ รวมถึงใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวของ คสช.นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่บริเวณคลองรอบทำเนียบรัฐบาล ที่เคยเป็นจุดชุมนุมของ กปปส. ปรากฏว่าค้นพบอาวุธจำนวนมาก และยังพบโครงกระดูกมนุษย์ในกระสอบทรายที่ถูกถ่วงจมอยู่ใต้คลองด้วย

งมคลองทำเนียบเจออาวุธอื้อ

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ท.ชาตรี วงษ์สายตา ผบ.กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่เทศกิจ กทม. และหน่วยกู้ภัย รวมกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ คลองผดุงกรุงเกษม จนถึงแยกเทวกรรม ข้างทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต ซึ่งเคยเป็นจุดชุมนุมของกลุ่ม กปปส.หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า พบเห็นผู้ชุมนุมโยนสิ่งของลงในคลองข้างทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเลิกการชุมนุม หวั่นเกิดความไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ลงค้นหาวัตถุต้องสงสัยในคลองผดุงกรุงเกษม พบอาวุธ กระสุนปืนเป็นจำนวนมาก อาทิ กระสุนปืนเอ็ม 16 กระสุนปืน 11 มม. กระสุนปืนอาก้า ระเบิดปิงปอง พลุส่องแสง และตัวจุดชนวนระเบิด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารระบุว่า จะดำเนินการตรวจค้นต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะคลองผดุงกรุงเกษมเท่านั้น จะตรวจสอบอีกหลายจุดที่ได้รับแจ้งเบาะแส และที่เป็นพื้นที่ชุมนุมกลุ่ม คปท.และ กปปส.

...

ตะลึงพบศพถูกถ่วงใต้น้ำ

ต่อมา เวลา 14.00 น. ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยกู้ภัย ดำน้ำหาวัตถุระเบิดในคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงด้านหน้าสำนักงานสหประชาชาติ พบวัตถุบางอย่างมีเชือกไนลอนมัดติดกับกระสอบทรายจำนวน 2 กระสอบ จมอยู่ใต้สะพานมัฆวานรังสรรค์ จึงใช้มีดตัดออก แล้วนำขึ้นมาตรวจสอบ พบโครง กระดูกมนุษย์ตั้งแต่ช่วงเอวลงมา อยู่ในสภาพเปื่อยยุ่ย เจ้าหน้าที่จึงลงไปงมบริเวณใกล้เคียงอีกครั้ง พบกะโหลกศีรษะ 1 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบบัตรประจำตัวพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุชื่อ นายชาญศิริ ชาวนาใต้ จมอยู่ใกล้บริเวณที่พบโครงกระดูก แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกที่พบหรือไม่ จากนั้นได้ประสานแพทย์จากวชิรพยาบาล และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบต่อไป

ตร.คาดตายมาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน

พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากการสนธิกำลังกันระหว่างตำรวจ ทหาร ตรวจหาวัตถุต้องสงสัยในคลองผดุงกรุงเกษม พบศพชายไม่ทราบชื่อสภาพเน่าเปื่อยเหลือแต่โครงกระดูก สวมกางเกงขายาวสีดำ ไม่พบส่วนบน คาดว่าน่าจะเป็นเพศชายเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ยังระบุไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ต้องให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ขณะเดียวกันให้ฝ่ายสืบสวนเช็กประวัติการรับแจ้งคนหายในพื้นที่ สน.นางเลิ้งและ สน.ใกล้เคียงแล้ว ส่งโครงกระดูกให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

เอาผิดผู้มีอาวุธปืนก่อน 29 พ.ค.

วันเดียวกันมีประกาศ คสช.ฉบับที่ 53/2557 เรื่อง กำหนดให้ผู้กระทำความผิดในบางกรณีไม่อยู่ภายใต้บังคับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 37/2557 ว่าตามที่มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พ.ค. 2557 ที่ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปโดยเรียบร้อย คสช.จึงมีประกาศดังต่อไปนี้ มิให้นำความในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พ.ค. 2557 เรื่องให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ มาใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ถูกจับกุมหรือตกเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยก่อนวันที่ 29 พ.ค. 57 และอยู่ในระหว่างการสอบสวน หรือระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

โต้แหลกส่งทหารค้นบ้าน ปชช.

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก คสช. แถลงว่า ขณะนี้มีกลุ่มไม่หวังดีกระจายข่าวทางโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า มีทหาร ตำรวจนอกเครื่องแบบรื้อค้นบ้านประชาชนในต่างจังหวัด จากการตรวจสอบไม่พบกรณีดังกล่าว เป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา ถ้าเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่เข้าค้นต้องแต่งเครื่องแบบ และจะต้องปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เหมือนการทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงประชาชนสามารถให้เจ้าหน้าที่ยืนยันแสดงตัวได้ จะได้ตัดปัญหาการสร้างข่าวลือ เมื่อถามว่า มีข่าวว่าญาตินายวีระ สมความคิด อดีตเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กัมพูชา ขอให้ คสช.ช่วยเจรจาให้มีการปล่อยตัว พ.อ.วินธัยตอบว่า ยังไม่มีข้อมูล คสช.ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ตามที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก

วิทยุชุมชนโอดขอออกอากาศ

ที่หน้าหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย นำโดยนายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว เป็นตัวแทนเดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ ทับพุ่ม ตัวแทนสำนักงานเลขาธิการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เนื่องจากผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นได้รับผลกระทบจากประกาศ คสช.ฉบับที่ 32 ที่ให้ระงับออกอากาศ โดยอยากให้ คสช.คัดกรองสถานีที่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง รวมถึงแยกแยะสถานีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองอย่างเคร่งครัด ไม่เหมารวม โดยอาจพิจารณาให้สถานีที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองให้ดำเนินการออกอากาศได้ตามห้วงเวลาที่กำหนด เช่น 06.00- 18.00 น. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

เจาะข่าวสกัดม็อบชุมนุมรอบใหม่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกลุ่มต่อต้านรัฐประหารนัดชุมนุมในวันที่ 8 มิ.ย.ว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจะหาข่าวเพื่อประเมินสถานการณ์การนัดชุมนุมว่าน่าเชื่อถือได้เพียงใด ถ้ามีการนัดชุมนุม จะมีจำนวนเท่าใด เพื่อกำหนดแผนยุทธการให้ฝ่ายทหารเป็น ผบ.เหตุการณ์ ตำรวจเป็นฝ่ายสนับสนุนการปฏิบัติ ซึ่งจะใช้วิธีการปฏิบัติเช่นเดิม คือการปิดล้อมพื้นที่ไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.ที่กำชับให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ เนื่องจากมีความสุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วง ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในบรรยากาศการทำเรื่องปรองดองสมานฉันท์ในบ้านเมือง ถ้ามีการชุมนุมที่ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารต้องใช้มาตรการจับกุม เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จะพยายามหลีกเลี่ยงใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ เพื่อลดการกระทบกระทั่งระหว่างคนไทยด้วยกัน

...

วอน ปชช.อย่าหลงคำยั่วยุ

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้คนเข้าใจผิดประกาศกฎอัยการศึกว่า ห้ามมิให้มีการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป มีความพยายามเลี่ยงกฎหมายใช้การชุมนุมไม่เกิน 5 คน หรือแสดงสัญลักษณ์ไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ในการปฏิบัติของ คสช.ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องการชุมนุม 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศกฎอัยการศึก มีคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป และประกาศกฎอัยการศึก ม.15 ทวิ “ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารมีเหตุอันควรสงสัยบุคคลใดเป็นราชศัตรูหรือฝ่าฝืนต่อบทบัญญัตินี้ หรือต่อคำสั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ให้เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจกักตัวบุคคลนั้นไว้เพื่อสอบถามหรือตามความจำเป็นของทางราชการทหารได้ แต่กักไว้ได้ไม่เกินกว่า 7 วัน” ดังนั้น ขอฝากผู้ชุมนุมอย่าหลงผิด เชื่อผู้ที่ได้รับอามิสสินจ้าง หรือชักชวนให้มาชุมนุม ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานแก้ปัญหาเพื่อนำความสงบสุขและเกิดความปรองดองในชาติโดยเร็วที่สุด

เล็งประสาน ตปท.จับ “โกตี๋–ตั้ง”

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุยิงกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด จำนวน 7 คน แนวทางการสืบสวนเป็นกลุ่ม นปช.หัวรุนแรงในพื้นที่ เป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนเหตุลอบยิงเอ็ม 79 และก่อเหตุรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทำให้มีผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งที่ ม.รามคำแหง แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า และสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง รวมถึงผู้ที่มีหมายจับคดีหมิ่นสถาบัน อาทิ นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้งอาชีวะ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งรัดจับกุม ส่วนที่ปรากฏภาพทั้งสองคนปรากฏตัวในต่างประเทศ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาที่อยู่ หากมีข้อมูลหลบซ่อนอยู่ในต่างประเทศ จะขอความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อดำเนินการออกหมายจับตามกฎหมาย และส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอน

...

แจงไม่รื้อคดีฆ่า “เอกยุทธ”

ที่ บช.น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังที่ถูกฆ่าชิงทรัพย์เสียชีวิต โดย พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า คดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการรื้อคดีใหม่ ขอชี้แจงว่า คำว่ารื้อคดีใหม่เป็นการพูดโดยใช้ความรู้สึก การรื้อคดีใหม่ทำได้กรณีเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 คือ คดีเดิมมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว แต่มีหลักฐานใหม่อันที่ฟังแล้วลงโทษผู้ต้องหาได้ จึงรื้อคดีใหม่ แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 คน อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีชั้นศาล จึงไม่ใช่การรื้อคดีใหม่ เพราะขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาล มีการสืบพยานแล้ว ตนจะเรียกสำนวนมาดูรายละเอียดเพื่อเตรียมนำพยานไปเบิกความต่อศาล ไม่สามารถสอบสวนได้อีกแล้ว หากมีช่องทางใดที่มีผู้ต้องหามากกว่านี้ ทั้งผู้สนับสนุน ผู้จ้างวาน ก็สามารถดำเนินการได้ทันทีให้ลงตัวกับสำนวนเดิม ขณะนี้มีแต่ข่าว ไม่มีหลักฐานใดขึ้นมา หากมีหลักฐานใหม่ก็จะดำเนินการทันที

4 คปท.มอบตัวดีเอสไอคดีกบฏ

วันเดียวกันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอุทัย ยอดมณี นายนัสเซอร์ ยีหมะ นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว แกนนำ คปท. พร้อมทีมทนายความ เดินทางมามอบตัวตามหมายจับ ข้อหากบฏและอีก 8 ข้อหา โดยนายอุทัยกล่าวว่า เตรียม พยานหลักฐานและเอกสารต่างๆมายื่นต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อต่อสู้คดี และเตรียมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสระ เพื่อยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนคนละ 1 แสนบาท ยืนยันขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ภายหลังการสอบปากคำตามขั้นตอนแล้ว หากทนายความของแกนนำ คปท.ร้องขอประกันตัว อาจมีการพิจารณาให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนได้ ขึ้นอยู่ดุลพินิจของอธิบดีดีเอสไอ หรือรักษาการแทนอธิบดีดีเอสไอ

...

สระแก้วเรียกแกนนำสลายสีเสื้อ

ส่วนความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารในการดำเนินการสร้างความปรองดองตามจังหวัดต่างๆนั้น เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ จ.สระแก้ว นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.สระแก้ว พล.ต.สุริยา ปาวรีย์ ผบ.จทบ.สระแก้ว พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว พร้อมแกนนำมวลชนทุกกลุ่มประกอบด้วย กลุ่ม นปช. (อิสระ) มีนายปัญญา ชาติปัญญาวุฒิ นายสุชาติ ตาลไทธง กลุ่มนปช. (แดงสระแก้ว) นางยาใจ ธรรมา นางพรรณภัทร์ กิตติวราพันธ์ และกลุ่ม กปปส.สระแก้ว นายสมชาย แก้วสุทธิ นางจินตนา แก้วสุทธิ นายวรโชติ ขวัญบุญ นายภัทรพล มานะสร้าง และนายจำเริญ ไผ่ทองคำ รวมทั้งสื่อมวลชน ร่วมประชุมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จากนั้น พล.ต.สุริยา ปาวรีย์ ผบ.จทบ.สระแก้ว มอบเข็มกลัดรูปแผ่นดินประเทศไทยมีข้อความ “คนไทยรักษ์แผ่นดิน” ให้กับแกนนำมวลชนที่ร่วมประชุม

โคราชวางโรดแม็ปปรองดอง

ที่กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะ เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 (เสธ.กกล.รส.ทภ.2) เป็นประธานการประชุมประชาสัมพันธ์สนับสนุน คสช.ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัด สื่อมวลชนแขนงต่างๆ สื่อออนไลน์ อินเตอร์เน็ต เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดโรดแม็ป 3 ระยะคือ 1.การประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ลดความขัดแย้ง 2.การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยตั้งสภาปฏิรูปด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม นำประเทศไปสู่การบริหารจัดการบ้านเมืองตามหลักธรรมาภิบาล 3.การจัดเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย โดยบูรณาการเครื่องมือประชาสัมพันธ์ของทุกหน่วยงานอย่างมีระบบ เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ คสช.ในทุกขั้นตอน

สกลนครติดป้ายเชียร์ทหาร

ขณะที่ จ.สกลนคร มีกลุ่มคนออกมาติดป้ายข้อความว่า ชาวสกลนครขอเป็นกำลังใจให้ทหารทุกนายติดกระจายอยู่ทั่วเมือง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครสกลนคร โดยบรรยากาศภายในขณะนี้ยังคงมีกำลังทหารและตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลสถานที่ราชการที่สำคัญ เช่น ศาลากลางจังหวัด โทรศัพท์ ประปา และเฝ้าระวังเส้นทางสายหลักที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง 7 จุด

ค้น รร.หรูล่า บก.ลายจุด–เจอบ่อน