"ทนายเดชา" เผยเรื่องที่คุยกับ "แม่ตั๊ก" ก่อนไปออกรายการดัง เพราะพี่สาวท่านหนึ่งติดต่อให้ ด้าน "ฝ้าย MVP" แจงดราม่าให้โอกาส ยันดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อให้เป็นตัวอย่าง ขณะที่อีกฝั่งยังเงียบ

วันที่ 26 กันยายน 2567 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย ที่ซื้อทองจากร้าน "แม่ตั๊ก" พร้อมด้วย นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ และ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่ก่อนหน้าได้พูดคุยกับแม่ตั๊ก ซึ่ง ทนายเดชา บอกที่ได้คุยกับเขาก่อนหน้าก็ถือว่าเราได้รับข้อมูลครบทุกด้าน ตื่นเต้นที่ได้คุยกับเขานานเลย โดยเขาโทรมา แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้คุย

นายเกรียงไกรมาศ หรือ เคนโด้ บอกว่า เรื่องนี้ยากตรงที่ต้องรวบรวมคนไปแจ้งความ ซึ่งเมื่อวานนี้ตนรับโทรศัพท์เองทั้งวัน พาคนเข้าไลน์ ไปลงทะเบียนว่าเสียหายเท่าไร ล่าสุดตอนนี้ 174 คน ที่เขาจะดำเนินคดีในฐานความผิดฉ้อโกง ซึ่งเราตั้งเพจ "เคนโด้ช่วยด้วย" ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างเรื่องนี้เขาก็ปรึกษาไป กลุ่มไลน์ที่เราตั้งขึ้น ก็มีคนร้องเรียนเข้ามาตลอดเวลา แต่เขายังไม่รู้ว่าต้องไปตรงไหน อย่างไร ซึ่งถ้าเข้ามาในกลุ่มเราจะทำข้อมูลให้

สอบถาม คุณนาง หนึ่งในผู้เสียหายที่ไม่ได้นำทองไปคืน บอกว่า ตนซื้อปี่เซียะมาในราคา 33,333 บาท แต่ปี่เซียะขายคืนให้ร้านเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2565 ซึ่งเราซื้อทองไว้ เมื่อไม่มีเงิน เราก็เอาไปขาย ซึ่งเราเอาไปขายที่ร้านทองใน จ.น่าน แต่ไม่มีใครรับซื้อ เพราะเขาบอกว่า ไม่กล้า เนื่องจากทองไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งตอนนั้นราคาทองบาทละ 28,000 บาท เราก็คิดว่าทองหนักประมาณ 1 บาท และที่เกินจากนั้นคงเป็นค่าเครื่องบินที่เขานำไปปลุกเสกที่ฮ่องกง เพราะเขาจะบอกว่า นำเข้าตลอด 

...

ตอนที่ทองมาถึงบ้าน เราก็เห็นใบรับประกันจากทางร้านว่า น้ำหนักทอง 6-7 กรัม ราคา 33,333 บาท ก็ยังไม่ได้เอะใจ เพราะคิดว่าทองเราพิเศษกว่าคนอื่น แต่ก็ไปหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตจนรู้ว่า ทองเราน้ำหนักไม่เต็มบาท ซึ่งร้านทั่วไปที่เราไปขายส่วนใหญ่จะบอกว่า ถ้าขายก็จะได้ราคาต่ำมาก อีกทั้งต้องตัด เพราะตรงข้อต่อจะเป็นทองอีกราคาหนึ่ง เราก็กลัวมีตำหนิ จึงไม่ขายร้านทองทั่วไป เราจึงทักไปถามที่ร้าน ซึ่งร้านบอกว่า ขายได้ 10,000 บาท เพราะเป็นสินค้าบูชา ร้านรับซื้อคืนในราคาโรงหลอม ตนก็ตัดสินใจนำไปขาย

คุณนาง บอกด้วยว่า ที่วันนี้ตัดสินใจนำหลักฐานไปกองปราบ เพราะรู้สึกว่าถ้าเขาเป็นแบบนี้ ก็มีร้านอื่นที่ทำเลียนแบบเขา ซึ่งตนก็ตกเป็นเหยื่ออีก แต่ก็โดนไม่เยอะ 

ด้าน คุณฝ้าย เผยว่า ที่เมื่อวานร้องไห้ในรายการ และว่าถ้าเขาขอโทษ และกลับตัวก็พร้อมจะสนับสนุนเหมือนเดิม แต่ก็ยืนยันว่าจะไปแจ้งความ หลายคนอาจเข้าใจว่าตัวเองกลับลำ หรือได้ใต้โต๊ะมา ขอยืนยันว่าไม่ใช่ ตนมาถึงจุดนี้ เราไม่ได้ต้องการเงิน แต่เราต้องการดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะผู้เสียหายมันเยอะ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เราสู้เพื่อทุกคน แต่ที่พูดเพราะอยากแนะนำในมุมมองของตนว่า เขาสมควรทำอะไร เขาสู่กระบวนการยุติธรรม เคลียร์ผู้เสียหายทุกคนตั้งแต่เปิดร้าน ชิ..หายก็ต้องยอม แต่คนกลับไปตีความอีกแบบ และอยากบอกผู้เสียหายทุกคนว่า ถึงจะได้เงินกลับไปแล้ว แต่คุณสามารถไปแจ้งความดำเนินคดีกับเขาได้ ซึ่งตนอยากให้ทุกคนมารวมตัวกัน เพราะแบบนี้มันไม่สามารถยอมความได้ และอยากให้เป็นบทเรียนกับร้านทอง หรือร้านออนไลน์อื่นๆ ด้วย ก้าวพลาดเมื่อไร ก็ไม่รอด

เคนโด้ เผยต่อว่า มูลค่าความเสียหายตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านกว่า แต่ต้องบอกว่า กลุ่มนี้เป็นผู้เสียหายที่ประสงค์จะดำเนินคดี เพราะหลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาในกลุ่ม เพื่อจัดเป็นกรุ๊ปไปแจ้งความ ให้ข้อมูล ทีละ 5 คน

เมื่อถามว่า กลัวไหมว่า เดี๋ยวเค้าจะมาเจรจาจ่ายเงินให้ถอนแจ้งความ เคนโด้ บอกว่า ตนเป็นคนกลาง ในการเจรจาให้ผู้เสียหาย เราทำเต็มที่ ถ้าอยากทำให้เป็นคดีตัวอย่าง ถ้าเราทำวงนี้ได้สำเร็จ ก็จะเป็นตัวอย่าง พวกนี้จะได้หายไปสักที พวกที่กินเงินคนอื่นแล้วไปสร้างบุญให้ตัวเอง เพราะเมื่อเช้าก็มีวงอื่นมาร้องเรียนเหมือนกัน 

ด้าน ทนายเดชา เผยว่า ก่อนหน้านี้ที่ได้คุยกัน โดยคนที่สนิทกับตนเป็นคนติดต่อให้แม่ตั๊กโทรมาหา ซึ่งเขาบอกว่าเป็นพี่สาว ตั๊กอยู่ข้างๆ จะคุยด้วย ส่วนที่ตนโพสต์ไปเมื่อเช้า เกี่ยวกับสัจธรรมนั้น คือเวลาตกอับ ลำบาก ทัวร์ลง เห็บหมาก็กระโดดหนีหมด บ้านก็ไม่เอา ลงทุนให้ก็ไม่เอา

ทนายเดชา บอกต่อว่า เขามีทนายอยู่แล้ว แต่เขาเล่ามุมมองเขาให้เราฟังว่า เหมือนโดนพวกคู่แข่งกลั่นแกล้ง อย่าง "สตางค์" ก็ไม่ใช่ลูกค้าเขาโดยตรง แต่เขาก็สามารถเป็นผู้เสียหายได้ และว่าเขามีร้านทองจริง อยากให้ตนไปดู เพราะอยู่ใกล้บ้านตน แต่ตนก็ไม่ไปดูหรอก พร้อมเล่าให้ฟังด้วยว่า เขาทำมาหากินมานานแล้ว มีรถ 2 คัน นอกนั้นเป็นรถของสามี และบริษัท ทำธุรกิจมานาน ไม่ใช่ 18 มงกุฎ ไม่ได้ไปโกงใคร แต่เขาก็ไม่ได้เล่ากลยุทธ์ในการขายทอง ตอนที่เขาบอกว่าเขาจะไปออกโหนกระแส ตนยังนึกเลยว่า เขากล้านะ 

...

ทนายเดชา บอกด้วยว่า เท่าที่คุย เขาเป็นผู้หญิงมั่น มีความเชื่อมั่นใจในตัวเอง มีผู้ติดตามประมาณ 4.6 ล้านคน ถือว่าเยอะ 

ขณะที่ เคนโด้ เล่าว่า มีสายหนึ่ง โทรมาจากต่างจังหวัด เป็นคนพิการขาขาด ร้องไห้บอกคุณเคนโด้ช่วยด้วย เขาไปซื้อทองจากร้านนี้มา หวังว่าจะนำเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตไปซื้อทองมาเพื่อเก็งกำไรในวันที่ทองขึ้น เพื่อที่จะนำเงินมาหล่อขาให้ใช้ได้ตลอดชีวิต แต่ปรากฏว่าซื้อมา 3 หมื่นกว่า นำไปขายได้ 8 พัน ขาเทียมก็ไม่ได้ เจ็บใจอีก ตนต้องรับสายดราม่าแบบนี้ทั้งวัน ทุกชีวิตที่โทรเข้ามาล้วนลำบาก ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้เสียหายบางคนที่ไม่ได้มารวมตัวแจ้งความ เพราะไม่มีเงิน

ทนายเดชา กล่าวเสริมว่า ถ้าเป็นแบบนี้ให้ทำหนังสือมอบอำนาจ และใช้ภาพถ่ายแทนได้ และที่เขาพูดชัดว่า ของแถมเป็นทอง 99% ในไลฟ์สด แต่สุดท้ายถ้าพิสูจน์แล้วไม่มีทอง ก็ถือว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งเป็นความเท็จ แม้ว่าจะเป็นในส่วนของแถมก็ตาม เพราะถ้าเขาบอกว่า ของแถมเป็นเพียงกระดาษหลายคนก็คงไม่ซื้อ และถ้าผู้เสียหายเยอะ เขาสามารถออกหมายจับได้เลย สาระสำคัญอยู่ที่เขายืนยันว่ามันเป็นทอง

...

สุดท้าย เคนโด้ ยืนยันว่า รู้จักกับทางพี่สาวของ "แม่ตั๊ก" หลายคนในวงการก็รู้จัก เพราะเขาเป็นคนดัง เพราะตนเป็นนักข่าว ผู้ประกาศข่าว แม้เขาจะยืนยันว่าไม่รู้จัก "แม่ตั๊ก" คดีนี้เกี่ยวกับสองสามีภรรยา ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น อยากให้มาโฟกัสว่าเรากำลังต่อสู้กับอะไร หรือล็อบบี้แล้วตนได้อะไร มารับสายโทรศัพท์เองทั้งวัน เพื่ออะไร ถ้าแค่หิวแสง เสียเวลา แถมจะโดนด่าด้วย

ติดตามทั้งหมดได้ใน "รายการเปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32