กรมบังคับคดีส่งเอกสารถึง กทม.แจ้งบังคับจ่ายหนี้บีทีเอส คิดต้นรวมดอก ตามกรอบ 180 วัน กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เตรียมชงสภา กทม.ของบ พร้อมเดินหน้ายื่นศาลคลายปม ป.ป.ช.

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึง แนวทางการดำเนินงาน ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เรื่องการชำระหนี้เดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนที่ 1 และ 2 จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ให้กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (บีทีเอสซี) ว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรมบังคับคดี ได้ส่งหนังสือแจ้งบังคับให้ กทม.ชำระหนี้คดีบีทีเอส ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 14,549,303,752 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ย โดยคิดถึงวันที่ 21 ม.ค.68 หรือ 180 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ขั้นตอนต่อไป สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เตรียมทำเรื่องเสนอที่ประชุมสภา กทม.เพื่อพิจารณาขอความเห็นชอบให้ใช้เงินสะสมจ่ายขาดเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว โดยเสนอของบเต็มตามจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการตามขั้นตอนแล้วเสร็จและสามารถจ่ายเงินได้เร็ว ก็จะจ่ายตามยอดจริงในเวลานั้น

นายวิศณุกล่าวว่า ขณะเดียวกันได้มีการประชุมหารือกับอัยการสูงสุดเรื่องรายละเอียดของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในประเด็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการชี้มูลความผิดอดีตผู้ว่าฯกทม. กับพวกรวม 13 คน กรณีขยายอายุสัญญาสัมปทานหรือทำสัญญาเพิ่มเติมให้กับบีทีเอสซี ต่อไปอีก
13 ปี ทั้งที่ยังเหลืออายุตามสัญญาเดิมอีก 17 ปี ขณะที่ศาลเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่มีการชี้มูลความผิด จึงไม่มีผลต่อสัญญาพิพาทในคดีนี้แต่อย่างใด เข้าใจว่าวันที่ศาลปกครองสูงสุด นั่งบัลลังก์พิจารณาคดีเรื่องหนี้ค่าจ้างเดินรถบีทีเอส อยู่ในช่วงเดือน ส.ค.66 ซึ่งขณะนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่มีการชี้มูลความผิด ต่อมามีข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดประเด็นดังกล่าวไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย.66 ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ จะมีคำสั่งให้ กทม.ชำระหนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 ที่ผ่านมา

...

ทั้งนี้อัยการสูงสุด ในฐานะทนายความมีความเห็นให้ กทม.รวบรวมข้อมูลรายละเอียดตามข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อทำเรื่องถึงศาลปกครองสูงสุด พิจารณาข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว ส่วนศาลจะรับพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่