พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการประชุมหารือร่วมกันในการดำเนินการตามนโยบายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในการควบรวมภารกิจจิตเวชและยาเสพติดระหว่างกรมการแพทย์และกรมสุขภาพจิต ว่า โดยหลักต้องการให้การทำงานเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในการบูรณาการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ.ได้มีการประชุมไปแล้ว ในเรื่องของการดำเนินงานตามนโยบาย ทั้งเรื่องโครงสร้าง อำนาจการดำเนินงานและอำนาจทางกฎหมาย แต่ต้องมีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง รวมทั้งต้องมีการปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย สิ่งที่ รมว. สธ. เน้นย้ำเรื่องนี้คือ ต้องเป็นประโยชน์ต่อการรักษาและดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุดและต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าผู้ป่วยจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่ต้องได้ประโยชน์จากนโยบายการควบรวมหน้าที่ในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด เพราะนี่เป็นหัวใจสำคัญ
พญ.อัมพรกล่าวต่อว่า เรื่องงบประมาณของกลุ่ม รพ.ยาเสพติด คือ กลุ่ม รพ.ธัญญารักษ์ โดยหลักการจะได้รับงบบูรณาการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะเป็นแกนในการเสนอของบประมาณทุกปี และจะมีการจัดสรรตามรายหัวของผู้ป่วย หากในอนาคตเรื่องรักษาพยาบาลอยู่ที่กรมสุขภาพจิตทั้งหมด ก็ต้องรับคนไข้ทั้งหมด ดังนั้น งบประมาณตรงนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็จะจัดสรรให้กรมสุขภาพจิต จากนั้นจะจัดแบ่งให้พื้นที่เกี่ยวข้องของเครือข่าย ทั้งนี้ ยังมีสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด (สลบ.) ซึ่ง สธ. ดูแลอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งงบฯมินิธัญญารักษ์ งบ CBTx หรือชุมชนล้อมรักษ์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในงบฯของกรมการแพทย์
...
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ยังพิจารณาถึงกรณีหน่วยที่มีความซ้ำซ้อนในจังหวัดเดียวกัน เช่น จ.เชียงใหม่ มี รพ.สวนปรุง และมีธัญญารักษ์เชียงใหม่ อาจต้องหารือกันว่า เมื่อโยกภารกิจ โยกกำลังคนที่มีความถนัด และมีความประสงค์ทำหน้าที่ต่อใน รพ.จิตเวชแล้ว หน่วยงานที่คงเหลืออยู่จะตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่อย่างไร ซึ่งปลัด สธ. ได้สั่งการให้กองกฎหมายไปหาวิธีการที่ถูกต้อง และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดยังต้องมีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว.