การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น มีตัวแทนจาก 106 ประเทศ 27 องค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุม ประเทศไทยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นตัวแทนในฐานะหัวหน้าองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสะท้อนเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับรัฐมนตรีของประเทศไทย ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ในเรื่อง “สร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคน และมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน”
ดร.สุรสีห์ได้กล่าวในที่ประชุมถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ในปีที่ผ่านมาองค์การสหประชาชาติได้ประกาศว่าสภาวะโลกร้อนได้สิ้นสุดลง และเปลี่ยนแปลงเป็นภาวะโลกเดือด การเปลี่ยน แปลงนี้เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น สถานการณ์โลกเดือดยังนำไปสู่ประเด็นปัญหาด้านน้ำที่รุนแรงยิ่งขึ้น
“ประเทศไทยในฐานะสมาชิกของกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและนานาชาติ ยังคงตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อประกันความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน สนับสนุนการดำเนินการและมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือในทุกภาคส่วน และทุกระดับ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และความท้าทายที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศ”
นอกจากนี้การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 ยังได้มีการรับรองแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยน้ำเพื่อความมั่งคั่งร่วมกัน (Ministerial Declaration on Water for Shared Prosperity) สรุปใจความว่า...การดำเนินการเพื่อจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 6 ภายในปี พ.ศ.2573 นั้น ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จำเป็นต้องประสานงานและความร่วมมือของรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ
...
“การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 ถือเป็นเวทีที่ช่วยยกระดับความสำคัญของน้ำในระดับนโยบาย สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านน้ำ และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ สทนช.ในการขับเคลื่อนและสร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก” เลขาธิการ สทนช.กล่าว.
สะ–เล–เต