ปธ.องค์กรพลังชาวพุทธ บุกร้องกองปราบฯ ตรวจสอบ พระคึกฤทธิ์ กับพวก กระทำเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พระพุทธศาสนา หวั่นเกิดม็อบจลาจลขับไล่พระสงฆ์ ปลุกระดมด้อยค่าพระศาสนา ยันต้องการให้กฎหมายจัดการแก้ปัญหานี้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มี.ค. 67 ที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. พระครูปลัดธีรนัชณฤทธา เมตตธมโม ประธานภาคีเครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ ผู้มีบทบาทเรียกร้องกิจกรรมสงฆ์และศาสนาหลายเรื่อง จนถึงขั้นปีนต้นไม้ข้างทำเนียบรัฐบาล เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ทรงวุฒิ นิยมพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อร้องให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลประกอบด้วย พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล, นางสุจินต์ บริหารวนเขตต์ และพรรคพวก นายเผดิม ยี่สมบุญ และพรรคพวก
พระครูปลัดธีรนัชณฤทธา กล่าวว่า ตนมาในนาม เครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ มายื่นให้กองทัพทำการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่ากระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์หรือไม่ ที่มีการจัดประชุม เสวนาบรรยาย และจัดรายการผ่านสื่อโซเชียล ปลุกระดมประชาชนให้เกิดความสับสนในหลักธรรมความเชื่อคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนมีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก และอาจกระทำการผิดกฎหมายบ้านเมือง เกิดความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน และอาจลุกลามกลายเป็นก่อม็อบจลาจลขึ้นมาได้ ดังปรากฏม็อบก่อจลาจลขับไล่พระสงฆ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
...
ข้อ 1 สันนิษฐานว่า น่าจะได้รับอิทธิพลความคิด ความเชื่อ ที่ผิดจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นสำคัญ คือ พฤติกรรมที่มีการสั่งสอนปลุกระดมประชาชนให้มีการด้อยค่า (1.) ด้อยค่าพระไตรปิฎกให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน (2.) ด้อยค่าพระอรหันตสาวก (3.) ด้อยค่าพระสงฆ์สาวก (4.) ด้อยค่าคำอรรถกถาจารย์ (5.) ด้อยค่าพระพุทธรูป (6.) ด้อยค่าประเพณีวัฒนธรรมไทยวิถีพุทธ (7.) ด้อยค่าพิธีกรรมของสถาบันพระมหากษัตริย์ (8.) แสวงหาผลประยชน์อันมิชอบจากการรับบริจาคและประกอบอาชีพค้าขายพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยมิชอบหรือไม่? (สัทธรรมปฏิรูป)
ข้อ 2 สันนิษฐานว่า บุคคลทั้ง 3 คน 3 กลุ่มนี้รับงานรับเงินมาจากลัทธิต่างศาสนาหรือไม่ เพื่อมาทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพราะว่ามีพฤติกรรม คำพูด ความคิด การกระทำไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อ 3 พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ได้มีคดีความฟ้องร้องกัน และปัจจุบันก็มีการฟ้องร้องกันอยู่ในกลุ่มสานุศิษย์ด้วยกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างออกมาแฉพฤติกรรมซึ่งกันและกันในข้อหาฉ้อโกง หรือข้อหาปาราชิก ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง คือขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ยังสามารถดำรงตนอยู่ได้ จะด้วยอิทธิพลอำนาจทางการเมือง ทางสังคม และเงินตรา ที่มีจำนวนมากมายหลายพันล้านบาทหรือไม่?
อาตมาจึงมาร้องทุกข์พร้อมเอกสารหลักฐานที่กองบังคับการปราบปรามให้ทำการตรวจสอบ หากพบว่ามีพฤติกรรมกระทำความผิดจริง ก็ขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหลังจากพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามแล้ว จะไปร้องทุกข์ที่ สนง.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
เส้นทางการเงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ว่ามีการกระทำความผิดว่าด้วยการฟอกเงินหรือไม่ รวมทั้งจะไปยื่นร้องกรรมธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบ และไปกราบนิมนต์ พระมหาเถรสมาคม ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการปกครองคณะสงฆ์ มีหน้าที่วินิจฉัยอธิกรณ์ พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ว่าต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่ การเผยแผ่ธรรมของ พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล เป็นไปตามธรรมวินัยหรือไม่
สุดท้ายนี้ อาตมาภาพหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมจะเข้าใจในสิ่งได้ออกมาร้องทุกข์ในครั้งนี้ เพราะว่าเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบเสียหายจากบุคคลทั้ง 3 ท่าน 3 กลุ่มนี้โดยตรง จากพฤติกรรมการปลุกระดมชวนเชื่อในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนตัว และองค์กร คณะสงฆ์โดยส่วนรวม และอีกทั้งประเทศชาติบ้านเมืองก็จะเสียหายด้วย ฉะนั้นจึงอยากให้อำนาจกฎหมายบ้านเมือง และองค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน
...
หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จแล้วไปเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ทันที.