หนุ่มเมาขับเก๋งซิ่งแหกด่านตำรวจจราจรกลางบนถนนพระราม 4 พุ่งชน “จ่าตำรวจ” ขณะตรวจวัดแอลกอฮอล์รถอีกคัน อัดร่างกับประตูรถอย่างจังเจ็บสาหัส เพื่อนตำรวจรีบส่งรักษาตัว รพ.ตำรวจ แต่ยื้อไม่ไหวเสียชีวิต ส่วนหนุ่มตีนผีอยู่ในสภาพเมาแอ๋พูดจาแทบไม่รู้เรื่อง ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้สูงถึง 187 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลังสร่างสำนึกผิดรับไปดื่มกับเพื่อนมาจริง อ้างมองไม่เห็นด่านตำรวจ ยอมชดใช้ครอบครัวเหยื่อทุกอย่าง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหาฉกรรจ์ทั้งเมาขับ และทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต ส่งฝากขังศาลพร้อมค้านประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้ปล่อยตัวชั่วคราววงเงิน 1 แสนบาท

หนุ่มเมาขับรถแหกด่านชนจ่าตำรวจจราจรกลางดับสยองรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 17 ก.พ. ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติภพ เจริญภักดีวงศา สว.ปฏิบัติราชการงานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กก.5 บก.จร. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.จร.นำกำลังตั้ง จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อควบคุมวินัยจราจรช่วงคืนวันหยุด บริเวณหน้าปากซอยปลูกจิต ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ตั้งแต่เวลาก่อนเที่ยงคืนวันที่ 9 ก.พ. จนถึงช่วงเช้ามืดวันที่ 10 ก.พ. ใกล้เวลาจะเลิกด่านแล้ว

ขณะนั้น จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ แก่นนาคำ อายุ 33 ปี ผบ.หมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กก.5 บก.จร. เรียกตรวจวัดแอลกอฮอล์นายชัยยา สารสุข ผู้ขับขี่รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน ฒฐ 3165 กรุงเทพมหานคร ที่ขับเข้ามาในด่าน แจ้งให้จอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายสุด บริเวณริมถนนพระราม 4 เปิดประตูด้านคนขับคาไว้ขณะที่ผู้ขับขี่ยังนั่งอยู่ภายในรถ ส่วน จ.ส.ต.ณัฐพงษ์เดินไปยื่นเครื่องมือตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้นายชัยยาเป่าตรวจปริมาณแอลกอฮอล์

ทันใดนั้นมีรถยนต์เชฟโรเลต แคปติว่า สีขาว ทะเบียน กบ 961 ภูเก็ต ขับเข้าด่านมาช่องทางกลางด้วยความเร็วสูง ทั้งที่บริเวณด่านมีไฟสัญญาณและป้ายระบุการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรกลางอย่างชัดเจน ขณะที่ตำรวจภายในด่านพยายามส่งสัญญาณมือให้รถคันดังกล่าวจอด แต่คนขับกลับเร่งเครื่องเหมือนต้องการฝ่าจุดตรวจไป จนรถเสียหลักพุ่งชนด้านขวารถกระบะโตโยต้า วีโก้ ครูดไปชนร่าง จ.ส.ต.ณัฐพงษ์อัดกับประตูรถกระบะจนร่างทรุดลงไปกองกับพื้น ประตูรถกระบะถึงกับหักพับไปด้านหน้า

...

รถคันดังกล่าวยังพยายามขับต่อไปเพื่อหลบหนีถูกชุดตำรวจ บก.จร.ในที่เกิดเหตุขี่รถ จยย.ติดตามไปอย่างรวดเร็ว สามารถสกัดรถไว้ได้ห่างจากจุดตั้งด่านเพียง 150 เมตร ขณะที่ตำรวจจราจรกลางอีกส่วนรีบเข้าไปปฐมพยายามเบื้องต้น จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ คาดว่ากระดูกหักหลายแห่ง แล้วรีบนำตัวส่งรักษาอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ยื้อชีวิตไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวนเบื้องต้นตีนผีรายนี้คือ นายคุณากร หัสกรรจ์ อายุ 31 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ทำงานอยู่องค์การยูนิเซฟ (unicef) ประเทศไทย ฝ่ายวางแผนการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) อยู่ในสภาพเมาแอ๋กลิ่นเหล้าหึ่ง ให้การไม่รู้เรื่อง เป่าวัดค่าแอลกอฮอล์เบื้องต้นผลปรากฏว่าสูงถึง 187 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นคุมตัวส่ง ร.ต.ท.สุภาพชน สุขภูมิพงศ์ รอง สว. (สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีข้อหาขับรถขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงชีวิต ข้อหาขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินโดยไม่ได้หยุดรถให้ความช่วยเหลือ หรือแสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิต ผบก.จร. กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ด้วย เบื้องต้นต้นสังกัดจะดูแลเรื่องเงินชดเชยตามสิทธิ์ คาดว่าจะได้รวมกันกว่า 1 ล้านบาท เพราะเป็นการเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ จากการสอบถามหัวหน้าชุดตั้งจุดตรวจทราบว่าเริ่มตั้งจุดตรวจตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ถึงเวลา 04.30 น. ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.20 น. ใกล้จะเก็บด่านแล้ว

“ส่วนการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ไปดื่มกินกับเพื่อนที่ผับย่านหลังสวนลุมพินี กำลังจะขับรถไปขึ้นทางด่วนกลับบ้านใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อมาถึงด่านตรวจมองไม่เห็นตำรวจโบกให้หยุด ไม่เห็นตำรวจที่เสียชีวิตจึงเกิดเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่าเมาจริง และยินดีจะชดใช้ค่าสินไหมให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี” ผบก.จร.กล่าว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ช่วงสายพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้เรียบร้อยแล้วและคัดค้านการประกันตัว อยากฝากถึงนักเที่ยวราตรี หากรู้ตัวว่าต้องไปดื่มให้นั่งรถแท็กซี่ไป เวลากลับบ้านจะได้ไม่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และไม่ไปทำร้ายคนในครอบครัวคนอื่นมีรายงานว่า ต่อมาศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาวงเงิน 1 แสนบาท เนื่องจากให้การรับสารภาพ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่