แนวคิดการรวมการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายมาไว้ในสายด่วนเบอร์เดียวกัน มีมานานแล้ว

เนื่องจากปกติสายด่วน 191 ของตำรวจก็รับแจ้งเหตุสารพัด

ตั้งแต่ของหาย ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ไฟไหม้ ไปยันงูเข้าบ้าน คนหาย สัตว์เลี้ยงติดต้นไม้ ฯลฯ ช่วยได้ก็ช่วยกันไป ช่วยไม่ได้ก็ต้องประสานหน่วยงานอื่นให้?

ไม่รู้เป็นเหตุให้สายด่วน 191 หนาแน่น ถูกต่อว่าต่อขานเรื่องการรับสายล่าช้าหรือเปล่า?

ทั้งที่ภารกิจหลักคือ แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจริงๆ แต่ว่าไม่ได้ เพราะชาวบ้านเองไม่รู้หรอกว่า อันไหนเป็นเหตุอะไร จะด่วนจะร้ายขนาดไหน คิดไม่ออกก็พึ่งตำรวจไว้ก่อน พอผิดหวังเพราะไม่มีสัญญาณตอบรับ หรือไม่ทันใจ เลยกลายเป็นถูกตำหนิมาทุกยุคทุกสมัย

ล่าสุดเห็น ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เผยกรณีแนวคิดการยุบรวมหมายเลขฉุกเฉิน 1669 ไปใช้หมายเลขฉุกเฉิน 191

แต่ชาวบ้านแสดงความกังวลว่า ปกติโทร.เข้าสายด่วน 191 ก็ตอบรับช้าอยู่แล้ว!

ยิ่งเป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินนาทีชีวิต หากล่าช้าอาจเกิดความสูญเสีย เบื้องต้นประสานกันแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องระบบ ยังไม่เสร็จ

ตามหลักการจะให้หมายเลข 191 เป็นตัวตั้ง ถ้าคนโทร.มาต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ 191 จะโอนสายไปที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินภายใน 30 วินาที เพื่อส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินไปช่วยเหลือ

สรุปคือ ให้สายด่วน 191 รับหน้าเสื่อก่อน แล้วส่งต่อไปตามหน่วยงานอื่น

เป็นห่วงแค่ว่า ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จะพร้อมหรือเปล่า เพราะตอนนี้อยู่ในความดูแลของแค่ระดับกองบังคับการคือ บก.สปพ.

งานนี้ขอเชียร์ให้ “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.คนใหม่ หันมามองปัญหานี้

...

ถ้ายกระดับไปเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุแห่งชาติ ขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ครบวงจร ทั้งบุคลากรและอุปกรณ์การทำงาน จะได้รับคำสรรเสริญแน่ๆ

ทำไว้เป็นผลงาน ให้ตำรวจรุ่นหลังได้จดจำ?

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม