อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ รุกนโยบายปีกระต่ายเดินหน้าส่งเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณ์ทั่วไทย หวังมีรายได้เพิ่ม สู่การแก้ปัญหาหนี้สินสหกรณ์ทั้งระบบ พร้อมนำร่องสหกรณ์ในพื้นที่นิคมฯ เป็นต้นแบบ
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 66 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวในที่ประชุมผู้บริหารกรมตอนหนึ่ง โดยหยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่สมาชิกให้มีรายได้เพิ่ม อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินของสหกรณ์ทั้งระบบว่า ได้มอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้สำนักงานสหกรณ์แต่ละจังหวัดไปดำเนินการอย่างเร่งด่วนทั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรและสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งเราได้เห็นถึงภาวะหนี้สินครัวเรือนของสมาชิกสหกรณ์ทั้งสองกลุ่มที่จะมีปัญหาและจะมีผลกระทบต่อการชำระหนี้ของสหกรณ์โดยเฉพาะสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งเราจะไปทำเรื่องการเร่งรัดชำระหนี้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ มีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จค่อนข้างน้อยมาก
"สำหรับการขับเคลื่อนแนวทางนี้เบื้องต้นจะมุ่งเน้นพื้นที่นิคมสหกรณ์แต่ละแห่งในการส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกสหกรณ์นิคมฯ โดยการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ เน้นไปที่เกษตรกรรุ่นใหม่ในโครงการนำลูกหลานกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรกลุ่มนี้มีการต่อยอดอาชีพไปสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี เท่าที่ดูมีหลายหลักสูตรน่าสนใจ เช่น การปลูกข้าว การปรับปรุงดิน การเลี้ยงปลา การเลี้ยงโคนม การเลี้ยงแพะ เป็นต้น" นายวิศิษฐ์ กล่าว
...
นายวิศิษฐ์ เผยอีกว่า สำหรับในส่วนของงบประมาณที่ใช้ดำเนินการนั้น ระยะแรกใช้งบของทางราชการหรือเงินรายได้ของนิคมสหกรณ์ฯ แต่ระยะต่อไปก็จะต้องให้สหกรณ์เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยนำเงินงบประมาณในส่วนการศึกษาอบรมของสหกรณ์ฯ มาใช้ประโยชน์
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดแต่ละจังหวัดดูแลรับผิดชอบ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสหกรณ์ด้วย โดยมี 2 มาตรการสำคัญคือ มาตรการแรกการช่วยเหลือสมาชิกเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้ ส่วนมาตรการที่สองมีการเติมสินเชื่อใหม่เข้าไปให้กับสมาชิกสหกรณ์ โดยมีกองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นตัวช่วยให้การสนับสนุน เพื่อให้สมาชิกนำเงินส่วนนี้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ ในขณะที่กรมฯ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมฯ คอยเป็นพี่เลี้ยงด้านการประกอบอาชีพของสมาชิกให้ด้วย
นายวิศิษฐ์ ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของโครงการสร้างสระน้ำในไร่นาให้กับเกษตรกร โดยใช้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์เข้ามาร่วมโครงการประมาณ 5,800 คน และมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการจำนวน 1,100 แห่ง จากนี้ไปพยายามจะขยายผลต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อที่จะให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ของสมาชิกได้อย่างยั่งยืน.