“ทนายตั้ม” ขย่มซ้ำจริยธรรมนักการเมือง โพสต์ภาพ แชตข้อความอดีตรองนายกรัฐมนตรีเล่นชู้เมียชาวบ้าน ถึงขั้นใช้คำ “จ๊ะผัว-จ๊ะเมีย” ตั้งคำถามหากเปิดไลน์คนที่ เรารักแล้วเจอแชตแบบนี้เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไร ขณะที่ ส.ส. “โจ้” ออกตัวแทนชายใส่เสื้อแดง ในภาพไม่ใช่ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รองนายกฯสมัย รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ด้าน “ชลน่าน” ชี้หากบุคคลที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวพันพรรคต้องตั้ง กก.สอบ ปัดถาม หลังไมค์ “ทนายตั้ม” ในฐานะเป็นสมาชิก พท.ชี้ มองมุมบวกถือเป็นการปกป้องพรรค แต่ถ้าตีความแล้ว เจตนาทำลายพรรค โทษคือขับออกจากสมาชิกพรรค

กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดังโพสต์ภาพและข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ข้อความระบุว่า ผัวช็อก เจอภาพเมียเป็นชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรี!! ขณะที่ชายคนดังกล่าวใส่เสื้อสีแดงแขนสั้น ใบหน้าทั้งคู่ที่อิงแอบแนบชิดกันถูกคาดด้วยแถบสีแดง ไม่รู้ว่าเป็นใคร ท่ามกลางคอมเมนต์มากมายว่าทั้ง 2 คน โดยเฉพาะอดีตรัฐมนตรีผู้นั้นจะเป็นใคร

ต่อมาช่วงสายวันที่ 8 ม.ค. เพจ “ษิทราเบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” หรือทนายตั้ม โพสต์ขย่มซ้ำจริยธรรมนักการเมือง เป็นภาพแชตข้อความไลน์เกี้ยวพาราสีคล้ายหนุ่มสาว ถึงขนาดใช้คำว่า “จ๊ะผัว-จ๊ะเมีย” กรณีต่อเนื่องเกี่ยวกับการที่มีสามีเข้ามาปรึกษา หลังพบภาพภรรยาเป็นชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุข้อความว่า คดีนี้มาปรึกษาผมตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมก็ทำเรื่องฟ้องหย่าภรรยา ฟ้องชู้ที่เป็นอดีตรองนายก รัฐมนตรีไปแล้ว แต่ปรากฏว่าได้มีการข่มขู่ คุกคามคุณ ก. มาตลอด คุณ ก.เลยอยากจะให้เรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ เพื่อป้องกันตัวหากเป็นอะไร และอยากให้ประชาชนได้รู้พฤติกรรมของนักการเมืองใหญ่คนนี้ ขอให้ผมช่วยดำเนินการให้ เรื่องนี้ค่อนข้างจะเสี่ยงกับผมไม่อาจทำอะไรให้ถูกใจทุกคนได้ ผมเลยต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง และพยายามให้กระทบกับพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด แต่ทุกคนจะได้รู้แน่นอนครับ #ถ้าเปิดไลน์คนที่เรารักแล้วเจอแชตแบบนี้เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรครับ?

...

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวจากบรรดานักการเมืองเกี่ยวกับการแฉชู้ระดับรองนายกรัฐมนตรีใส่เสื้อแดงในภาพ เมื่อเวลา 10.30 น.วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงเช้าวัน เดียวกันนี้ได้โทรศัพท์สอบถามนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าใช่รูปท่านหรือไม่ ท่านปฏิเสธไม่ใช่แน่นอน ย้อนไปดูรายชื่ออดีตรองนายกฯในยุครัฐบาลก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่อายุมากกว่า 70 ปี ดูท่าทางจะไม่ไหว อย่างไรก็ดี มีนักข่าวกระซิบบอกว่า บุคคลดังกล่าวที่ถูกอ้างว่าเป็นรองนายกฯ ใส่เสื้อสีแดง ที่อาจใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้คงต้องรอทนายตั้มเปิดเผย ส่วนตัวติดต่อไปยัง “เจ๊ช่อ” ที่ได้ติดต่อกับทนายตั้ม บอกผ่านมาว่าเป็นรองนายกฯสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องคงต้องฝากสื่อไปช่วยดูมีใครบ้าง

“เมื่อไปดูรองนายกฯยุคนั้นมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ส่วนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เสียชีวิตไปแล้ว นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ปฏิเสธเสียงแข็งบอกพี่ไม่ไหว พี่อายุ 80 แล้ว ไม่ใช่พี่แน่นอน รองนายกฯสมัยนั้นยังมีโควตาจากพรรค การเมืองอื่น นายยุคล ลิ้มแหลมทอง เคยเป็นรองนายกฯควบ รมว.เกษตรฯ ดังนั้นนักข่าวต้องไปตามดูหรือรอให้ทนายตั้มแถลงวันที่ 9 ม.ค. แต่เท่าที่ดูในรูปเบื้องต้น ยังไม่แก่เท่าไหร่ คงต้องเดาต่อไปว่าเป็นใคร เนื่องจากไม่มีคลิป ไม่มีรูป” นายยุทธพงศ์กล่าว

นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า คิดว่าสื่อน่าจะพอรู้ ถ้าพูดตรงๆกลัวโดนฟ้องหมิ่นประมาท เพราะตอนนี้ก็โดน 4 คดี เรื่องนี้เอาไว้ไม่ได้ นักการเมืองต้องมีจริยธรรม ไม่ได้เข้าข้างพรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องกล้าจัดการ อย่านิ่งเฉย อย่าจัดการเฉพาะฝ่ายตรงข้าม หากไม่จัดการจะจัดการเองผ่านการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่จัดการจะไปฟ้องอาจารย์น้องให้จัดการ พล.อ.ประยุทธ์เลย เรื่องนี้จะร้องให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตรวจสอบจริยธรรมด้วย เพราะพรรคมีคณะกรรมการจริยธรรม บุคคลดังกล่าวใส่เสื้อสีแดง อายุไม่น่าเยอะ ผู้หญิงผมทอง อายุก็ไม่น่าเยอะ แต่ประเด็นสำคัญไปยุ่งกับเมีย
ชาวบ้านทำไม

จากนั้น เวลา 12.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวอดีตรองนายกฯมีสัมพันธ์ชู้สาวกับภรรยาคนอื่น โดยโยงมาว่าเป็นรองนายกฯในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า เพิ่งทราบเรื่อง เท่าที่ติดตามข่าวยังไม่ระบุว่าเป็นใคร สมัยไหน แต่หากเกี่ยวข้องกับพรรคคงต้องมาดูรายละเอียดว่าเกิดขึ้นสมัยนั้นจริงหรือไม่ เขาเป็นใคร พฤติกรรมเกี่ยวเนื่องมาถึงปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร เพราะเป็นภาพที่สังคมไม่ยอมรับ พรรค พท.ก็ไม่สนับสนุนส่งเสริมเรื่องนี้ ไม่ยอมรับกันอยู่แล้ว ขอให้ว่ากันไปตามตัวบทกฎหมาย สังคมจะใช้มาตรการทางสังคมอย่างไรต้องว่ากันไป

เมื่อถามว่าหากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดชื่อแล้วมีการโยงมาเป็นคนของพรรคพท.จริง ในฐานะหัวหน้าพรรคจะตั้งคณะกรรมการสอบหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ต้องดำเนินการว่าเกี่ยวข้องกับพรรคในมุมไหน อย่างไร หากเปิดออกมาแล้วไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเราในปัจจุบัน เป็นเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าต้องมีการสอบหรือไม่ อำนาจหน้าที่ในการสอบขณะนี้ต้องว่าไปตามข้อบังคับที่มี กฎหมายฉบับนี้ กรรมการบริหารชุดนี้ สมาชิกที่มีอยู่ หากมีความเกี่ยวเนื่องในส่วนนั้น จะมีอำนาจในการตั้งคณะกรรมการไปสอบได้ แต่หากไม่ได้เป็นสมาชิกในขณะนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตก็ไม่มีอำนาจจะไปสอบ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ชัดเจนเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้ ทั้งนี้ ในส่วนที่นายษิทราแย้มตัวย่อมาเป็น ย. พรรค พท.ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีชื่อย่อนี้หรือไม่นั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบ ขอไปดูในรายละเอียดก่อน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การมาเปิดเรื่องนี้ในช่วงนี้ มองว่าเป็นการดิสเครดิตของพรรคการเมือง ตัวบุคคลหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็คิดได้ เพราะเท่าที่ดูข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นมาเป็นปีแล้ว เคยมีการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบแล้ว แต่อ้างว่ามีการข่มขู่คุกคามบุคคลที่เป็นสามี นำเรื่องมาเปิดดูเหตุและผลแล้วก็คิดได้ว่าเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่ อย่างไร แต่ถามว่าจะเกี่ยวข้องกับพรรค พท.หรือไม่ อาจจะมองได้เช่นกันว่านายษิทราก็เป็นสมาชิกพรรค พท. อาจจะออกมาในมุมปกป้องพรรคก็ได้

...

เมื่อถามอีกว่า นายษิทราเป็นสมาชิกพรรค พท. ในฐานะหัวหน้าพรรคได้หลังไมค์ไปคุยอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ เรื่องนี้ต้องทำให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน เรามีรูปแบบคณะกรรมการ เขาเปิดมาขนาดนี้ถ้าจะหลังไมค์ไปบอกว่าหากเป็นพรรค พท.อย่าเปิดนะ ทั้ง พท.และนายษิทราตายด้วยกันหมด ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมแน่นอน เราไม่ได้ห่วง หากเปิดเพื่อการปกป้องพรรค ต้องขอบคุณนายษิทราด้วย หากอดีตสมาชิกพรรคเราไปมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากมองในมุมบวกก็เป็นการเอาสิ่งที่ไม่ชอบออกไป แต่ถ้าทำแล้วเป็นการไปลบล้างสิ่งดีๆที่พรรคกำลังทำอยู่ สามารถตีความได้ว่าเป็นการทำลาย ต้องสืบดูว่านายษิทราในฐานะสมาชิกพรรคต้องการทำลายพรรคหรือไม่ หากมีเจตนาจะทำร้ายพรรคก็ต้องมีการตรวจสอบเช่นกัน โทษคือขับออกจากสมาชิกพรรค