กระทรวงสาธารณสุขประกาศ ลดระดับโควิด-19 เป็นโรคเฝ้าระวังแล้ว ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป และ ศบค.ชุดใหญ่ที่จะประชุมวันที่ 23 ก.ย. จะพิจารณาอนุมัติแนวทางการปฏิบัติต่อไป ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศให้ยกเลิกแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจ ATK ก่อนเข้าประเทศ ยกเว้นโรคไข้เหลืองที่ยังดำเนินการตามปกติ ยกเลิกสุ่มตรวจสอบบันทึกการฉีดวัคซีนโควิด แต่ยังคงเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่ ส่วนผู้ป่วยโควิดอาการน้อยไม่ต้องกักตัวแล้ว

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รอง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ 2 ฉบับ เผยแพร่ในราชกิจจา นุเบกษา เมื่อวันที่ 20 ก.ย.65 ประกอบด้วย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 พ.ศ.2565 และประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 ประกาศ ทั้ง 2 ฉบับ จะมีผลยกเลิกโรคโควิด-19 จากโรคติดต่อ อันตราย แล้วกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์การระบาดทั่วโลกมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตลดลง การแพร่ระบาดและ ความรุนแรงของโรคในต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับจำนวนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศมีเพียงพอกับความต้องการ ขณะที่ประชาชน ได้รับวัคซีนในระดับความครอบคลุมสูง มีภูมิคุ้มกันโรคเพิ่มขึ้น จึงสมควรปรับมาตรการทางกฎหมายให้ สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการต่างๆในประเทศและสถานการณ์ปัจจุบัน

น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า ศบค.ได้ติดตามและดำเนินการตามแผนงานที่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 มาเป็นระยะ รวมถึงการจัดทำกรอบนโยบาย แนวปฏิบัติภายหลังโควิด-19 ปรับสู่การเป็นโรคติดต่อ เฝ้าระวัง แนวปฏิบัติของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน เมื่อเข้าสู่ภาวะหลังการระบาดใหญ่ (Post-pandemic) ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันที่ 23 ก.ย. จะได้พิจารณาอนุมัติแนวทางดำเนินการต่างๆ เตรียมไว้เพื่อไปสู่ในทางปฏิบัติต่อไป

...

วันเดียวกัน ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,129 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 13 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 4,675,532 ราย หายป่วยสะสม 4,634,493 ราย เสียชีวิตสะสม 32,668 ราย ขณะที่ สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 618,046,174 ราย เสียชีวิตสะสม 6,533,223 ราย

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ เห็นชอบแผนปฏิบัติการควบคุมโควิด-19 รองรับ การเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่ ต.ค.65- ก.ย.66 มีผลวันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป ทั้งด้านการ ป้องกันเฝ้าระวังและควบคุมโรค ด้านการแพทย์และ รักษาพยาบาล ด้านการสื่อสารความเสี่ยง ประชา สัมพันธ์ ข้อมูลสารสนเทศ ด้านบริหารจัดการ กฎหมาย สังคมและเศรษฐกิจ โดยให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกัน หากรุนแรงเพิ่มขึ้นอาจประกาศพื้นที่โรคระบาดตามความจำเป็น เรื่องที่ 2 เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโควิด-19 ยกเลิกแสดงเอกสารการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจ ATK ก่อนเข้าประเทศ ยกเว้นโรคไข้เหลืองที่ยังดำเนินการตามปกติ ยกเลิกสุ่มตรวจสอบบันทึกการฉีดวัคซีนโควิดที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ แต่ยังคงเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่ รวมทั้ง ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ป่วยอาการน้อย/ผู้ติดเชื้อ ที่ไม่แสดงอาการ ให้สวมหน้ากากเว้นระยะห่าง ล้างมือ ตรวจ ATK เมื่อมีอาการอย่างเคร่งครัด 5 วัน โดย ไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 ส่วนพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเทยังแนะให้สวมหน้ากากอนามัย มาตรการดังกล่าวจะเสนอที่ประชุม ศบค.รับทราบ ในวันที่ 23 ก.ย.นี้