"ผบก.2" ลุยเอง หลังเพจดังแชร์โพสต์ "สนุกเกอร์คลับ" ย่านคู้บอน ลอบเปิดบ่อนเล่นกันโจ๋งครึ่ม ตรวจสอบพบป้ายชื่อหน้าร้านถูกเปลี่ยน ภายในเป็นผับบาร์ มีเศษหินทราย นั่งร้าน วางเกลื่อน ถัดไปเป็นโต๊ะสนุ๊ก 6 ตัว สภาพไม่ได้ใช้งาน-ฝุ่นจับเกรอะกรัง สอบถามคนดูแลบอก ถูกปิดตัวลงตั้งแต่โควิดระบาดรอบแรก ตำรวจเตรียมหาตัวเจ้าของ สอบถามข้อมูลให้กระจ่าง

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 17 มี.ค. 65 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.ยงค์ยุทธ์ ประเสริฐผล รอง ผกก.ป.สน.คันนายาว นำกำลังฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.2 ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว เข้าตรวจสอบโต๊ะสนุ๊ก "JJ SNOOKER CLUB" ซอยคู้บอน 27 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลับลอบเปิดเป็นบ่อนการพนัน

จากการตรวจสอบจุดดังกล่าวลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว ปลูกสร้างในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ตัวอาคารไม่มีหน้าต่าง มีทางเข้า 2 ทาง คือ ด้านหน้าและด้านหลัง พบป้ายโฆษณาที่อยู่ทางเข้าระบุ "เอฟวันคลับ" เมื่อเข้าไปในอาคารพบว่าด้านหลังเเป็นห้องโล่ง ลักษณะเป็นผับ มีบาร์น้ำ ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ มีเศษหินเศษทรายและนั่งร้านวางเกลื่อนพื้น ถัดไปอีกส่วนเป็นโต๊ะสนุ๊ก พบโต๊ะสนุกเกอร์ตั้งอยู่กลางห้องจำนวน 6 ตัว ลักษณะไม่ได้ใช้งาน ที่ผ้าคลุมโต๊ะ มีฝุ่นเกาะจำนวนมาก

...

ด้าน พล.ต.ต.อรรถพล กล่าวว่า การเข้าไปตรวจสอบในวันนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 3 วันก่อน "เพจ แหม่มโพธิ์ดำ" ได้มีการแท็กโพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ระบุข้อความว่า สถานที่แห่งนี้เปิดลักลอบเล่นการพนัน อีกทั้งยังมีการโพสต์ภาพกลุ่มคนจำนวนมากกำลังล้อมวงเล่นการพนัน หลังทราบเรื่องจึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.2 ลงพื้นที่หาข่าวจนทราบที่ตั้งของสถานที่ดังกล่าว และภายหลังการเข้าตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่เดียวกันกับที่ผู้ร้องระบุมา แต่มีการเปลี่ยนป้ายโฆษณาจาก "JJ SNOOKER CLUB" มาเป็น "เอฟวันคลับ" ตัวผนังอาคารก็มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบภายในอาคารไม่พบมีลักษณะเป็นบ่อนการพนันตามที่ถูกร้องเรียนมาแต่อย่างใด ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลระบุว่า สถานที่ดังกล่าวปิดตัวลง และไม่ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ช่วงที่โควิดระบาดรอบแรก ทั้งส่วนของผับและโต๊ะสนุ๊ก ซึ่งจากการตรวจสอบดูสภาพโดยรอบแล้วนั้นก็มีลักษณะไม่เหมือนภาพที่มีการร้องเรียนมา

"หลังจากนี้ ทางตำรวจจะทำการตรวจสอบว่าสถานที่ดังกล่าวมีใครเป็นเจ้าของ และจะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลต่างๆ ว่าปิดไปนานหรือยัง และมีการเปลี่ยนป้ายโฆษณาไปเมื่อไหร่ มีการเปลี่ยนผนังตัวอาคารไปนานแค่ไหน รวมถึงจะทำการตรวจสอบว่า ตัวผู้ร้องและเพจเป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากลักษณะอักษรที่ใช้ดูไม่ปกติ ทั้งนี้หากพบว่ามีจุดประสงค์จะทำให้เกิดความเสียหาย ก็คงต้องตรวจสอบและนำตัวมาสอบถามข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นการบิดเบือนหรือสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น ก็จะต้องนำตัวมาดำเนินคดีกันต่อไป" พล.ต.ต.อรรถพล กล่าว.