สถานีรถไฟหัวลำโพง ศูนย์กลางการคมนาคมอายุ 105 ปีของประเทศ ไทยกำลังจะถูกปลดระวาง กลายเป็นสถานีร้างกลางสะดือ กทม.

15 ชานชาลาอันใหญ่โตของหัวลำโพง ซึ่งเคยมีขบวนรถไฟจอดเรียงกันเป็นตับ มีคนเดินทางเข้าออกพลุกพล่านตลอด 24 ชั่วโมง จะกลายสภาพเป็น “ป่าช้ารางรถไฟ

เพราะตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม จะไม่มีขบวนรถไฟเข้ามาจอดสุดทางที่สถานีหัวลำโพงอีกต่อไป!!

ขบวนรถไฟสายเหนือ สายใต้ สายอีสาน 155 ขบวน ทั้งรถด่วน รถเร็ว รถหวานเย็น รถดีเซลราง รถไฟชานเมือง ฯลฯ จะเปลี่ยนไปจอดรับส่งผู้โดยสารที่ชุมทางสถานีกลางบางซื่อแห่งเดียว

ส่วนขบวนรถไฟสายตะวันออก 19 ขบวนจะไปจอดที่สถานีมักกะสันเป็นต้นทาง

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการปิดตำนานสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โดยได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม อ้างเหตุผลการหยุดให้รถไฟทุกขบวนเข้าจอดสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน

แต่ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องการแก้ปัญหาจราจร

แต่เป้าหมายคือที่ดินพระราชทาน 120 ไร่ของสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่ง “ในหลวงรัชกาลที่ 5” พระราชทานให้เป็นจุดเริ่มต้นของการรถไฟไทยไปให้กลุ่มทุนเอกชนเช่าลงทุนพัฒนาใช้ประโยชน์ระยะยาว

เพื่อหารายได้มาชดเชยการขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย

โดยแผนล่าสุดจะแบ่งพื้นที่ทองคำฝังเพชร 120 ไร่ ราคาประเมิน 48,000 ล้านบาทให้กลุ่มเอกชนลงทุนพัฒนาเป็น 5 โซน

โซนเอ 16 ไร่ เป็นพื้นที่เข้าออกลานจอดรถริมคลองผดุงกรุงเกษมเป็นพื้นที่สาธารณะ จะปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ

...

โซนบี 13 ไร่ ตัวอาคารสถานีรถไฟ หัวลำโพงขึ้นทะเบียนโบราณสถานจะปรับปรุงให้คงสภาพเดิม

โซนซี 49 ไร่ พื้นที่ชานชาลา และย่านสับหลีกขบวนรถไฟและพื้นที่จอดพักรถไฟ จะพัฒนาเป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และคอนโด มิเนียมระดับไฮโซ แบบกรุงโตเกียว

โซนดี 22 ไร่ พื้นที่โรงซ่อมรถดีเซลราง และโรงซ่อมตู้โบกี้รถโดยสารจะพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ ร้านค้า แหล่งช็อปปิ้งไฮคลาส และร้านอาหารระดับหรู แบบเมืองเวนิส

โซนอี 20 ไร่ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยและกลุ่มอาคารพัสดุเดิม จะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์ธุรกิจทันสมัย แบบนครเซี่ยงไฮ้

แต่ยังติดขัดปัญหาเดียว

คือพื้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงถูกกำหนด “ผังเมืองสีน้ำเงิน” ห้ามก่อสร้างอาคารสูงและห้ามพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

จึงต้องเสนอ นายกฯลุงตู่ ขออนุมัติปรับ “ผังเมืองสีน้ำเงิน” ให้เป็น “ผังเมืองสีแดง” เพื่อนำไปให้เอกชนเช่าใช้ประโยชน์ ครบวงจร

คาดว่าไม่เกินต้นปีหน้า “ผังเมืองสีน้ำเงิน” จะกลายเป็น “ผังเมืองสีแดง”

เจ้าสัวรายไหนจะได้สะง่อมที่ดินพระราชทาน 120 ไร่ แปลงสุดท้ายใจกลางกรุงเทพฯไปครอบครอง??

ฟันกำไรสะดือบานไปอีก 50 ปี เชียวนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”