สาวจ้างทนายดังฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สั่ง “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดัง รับรองบุตรสาววัย 5 ขวบ พร้อมเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าเล่าเรียนรวม 25 ล้านบาท แฉอยู่กินกันตั้งแต่ปี 56 จนปี 58 รู้ตัวว่าท้องจนลูกคลอดออกมา แต่ช่วงหลังนักมวยชื่อดังตีตัวออกห่างแถมไม่ช่วยค่าเลี้ยงดูเลยตัดสินใจฟ้อง ด้าน “บัวขาว” ติดต่อไม่ได้ รู้เพียงว่าไปทำธุระที่ จ.สุรินทร์ ศาลนัดไกล่เกลี่ยวันที่ 9 ส.ค.นี้

หญิงสาวอ้างมีลูกกับนักมวยชื่อดัง ฟ้องศาลให้รับรองบุตรและจ่ายค่าเลี้ยงดูครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 เม.ย. น.ส.อัญวีณ์ หรือเก๋ พรชัยวิบูลย์ อายุ 39 ปี อาชีพทำธุรกิจอาหารเสริมออนไลน์ พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ นำหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลมีคำสั่งให้นายสมบัติ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดัง รับ ด.ญ.พิมพ์ญาดา บัญชาเมฆ หรือน้องมีตังค์ อายุ 5 ขวบ เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกค่าอุปการะ และกำหนดให้ฝ่ายมารดาเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียว

น.ส.อัญวีณ์เผยว่า เมื่อประมาณต้นปี 2556 ตนและนายสมบัติคบหาอยู่กินฉันสามีภรรยาประมาณต้นปี 2558 ตนตั้งครรภ์ 2 เดือน แจ้งให้นายสมบัติทราบ เจ้าตัวไม่ได้แสดงการปฏิเสธ ตลอดเวลาที่อยู่กินกันตนทำหน้าที่ภรรยาที่ดีซื่อสัตย์มาตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.58 ตนคลอด “น้องมีตังค์” ในสูติบัตรระบุชื่อนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว เป็นบิดา นายสมบัติรับทราบและมิได้ทักท้วง ยินยอมให้ใช้นามสกุลบัญชาเมฆ ก่อนนายสมบัติจะพาตนและลูกย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกันตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

...

“แต่ด้วยความที่นายสมบัติมีอาชีพเป็นนักมวยมีชื่อเสียงระดับโลก ต้องเดินทางไปชกมวยทั้งในและต่างประเทศบ่อย ไม่ค่อยเจอหน้ากัน อีกทั้งมีพฤติกรรมตีตัวออกห่าง นานๆครั้งจะมาหา ระยะหลังหายหน้าไปไม่ติดต่ออีกเลย เสมือนฉันและลูกถูกทอดทิ้ง ที่ผ่านมาเคยขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากนายสมบัติหลายครั้งแต่เพิกเฉย ทำให้ต้องออกไปหางานทำเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง นายสมบัติเป็นข้าราชการทหารยศร้อยตรีมีเงินเดือนประจํา มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และมีรายได้หลายทาง จึงขอความเมตตาจากศาลมีคำสั่งให้นายสมบัติจดทะเบียนรับรองน้องมีตังค์เป็นบุตร ให้ฉันเป็นผู้มีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว เพราะที่ผ่านมานายสมบัติไม่เคยเลี้ยงดูมาก่อน และขอให้มีคำสั่งชําระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรด้วย” น.ส.อัญวีณ์กล่าว

ด้านนายอนันต์ชัยกล่าวว่า การยื่นฟ้องวันนี้ไม่มีเจตนาให้นายสมบัติเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนตัวกลับมองว่าเป็นเรื่องดีที่ประชาชนทั่วโลกได้รับรู้ว่าบัวขาวมีทายาทสืบสกุล อีกทั้งตนเข้าใจความรู้สึกน้องมีตังค์ อยากให้ทุกคนทราบว่ามีพ่อเป็นนักมวยชื่อดังระดับโลก หวังว่าทั้ง 2 ครอบครัวจะกลับมาดำเนินชีวิตที่ดีดังเดิม ก่อนหน้านี้บัวขาวกับ น.ส.อัญวีณ์ใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านใกล้ค่ายมวย บ้านนี้มีชื่อทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ คดีนี้ไม่ใช่ว่า น.ส.อัญวีณ์ออกมาเรียกร้องให้บัวขาวรับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ ด.ญ.มีตังค์เห็นพ่อในทีวีก็ชื่นชม อยากโชว์เพื่อนอย่างเปิดเผย น.ส.อัญวีณ์ไม่ใช่จะมาขอเงินเพราะอาศัยความดัง แต่มีฐานะระดับหนึ่ง ขับรถบีเอ็มฯแซด 4 อยู่บ้านหลังใหญ่

นายอนันต์ชัยเผยด้วยว่า คำร้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรฉบับนี้ ผู้ร้องนอกจากยื่นคำร้องขอให้บัวขาวจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามคำพิพากษาศาลแล้ว น.ส.อัญวีณ์ยังฟ้องเรียกค่าอุปการะการศึกษาของ ด.ญ.มีตังค์เป็นเวลา 20 ปี คือ ระหว่าง 5-10 ปี 10-15 ปี และ 15-20 ปี รวมทั้งสิ้น 25 ล้านบาท แต่เรียกดอกเบี้ยไม่ได้เพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจ ความจริง น.ส.อัญวีณ์มีเงินมากกว่านี้ แต่ต้องการให้นายสมบัติรับผิดชอบ คดีนี้ศาลนัดไกล่เกลี่ยวันที่ 9 ส.ค. เวลา 09.00 น. ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปที่ผู้ดูแลค่ายมวยของบัวขาว ปฏิเสธว่าไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่คาดว่าหากบัวขาวทราบเรื่อง น่าจะหารือกับทนายความ และชี้แจงเรื่องนี้กับสังคมอีกครั้ง ส่วนตัวบัวขาวทราบแต่เพียงว่าเดินทางไปทำธุระที่ จ.สุรินทร์