ศาลเลื่อนนัดตรวจหลักฐาน 22 แกนนำราษฎรปักหมุดสนามหลวง เป็นเช้า 29 มี.ค. เหตุจำเลยบางคนไม่ได้มาศาล เผยบรรยากาศขณะแกนนำถูกนำ ตัวมาถึง “เพนกวิน” ชู 3 นิ้วตะโกน คุกขังความจริงไม่ได้ ลั่นอดข้าวประท้วงจนกว่าจะได้ประกันตัว ทำห้องพิจารณาคดีวุ่น มวลชนที่เข้าร่วมฟังถึงเขวี้ยงขวดน้ำกรี๊ดระบาย ขณะเดียวกัน ศาลมีคำสั่งย้าย “ไผ่-ไมค์-โตโต้” ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุอธิบดีกรมราชทัณฑ์มีอำนาจตามกฎหมายย้ายผู้ต้องขังได้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วน พร้อมสั่งกำชับ ทนายระวังการให้ข่าวและโพสต์ข้อความลงโซเชียล อาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดี

หลังแกนนำราษฎรและแนวร่วม จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.112 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออก จนมีผลพวงเป็นคดีความหลายต่อหลายคดี สุดท้ายแกนนำหลักๆ อาทิ นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ถูกจับกุมในข้อหาที่เกี่ยวข้อง ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำโดยไม่ให้ประกันตัว และทยอยขึ้นศาลพิจารณาในคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างต่อเนื่อง

ศาลนัดตรวจหลักฐานปักหมุด

นัดแรกคึกคักรวมดาวแกนนำราษฎรคดีปักหมุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ ในคดีที่ถูกฟ้องร่วมกับแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรรวม 22 คน เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบัน ร่วมกันมั่วสุม ชุมนุมฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 116 และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีชุมนุมปักหมุดท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.63 เป็นนัดแรกหลังถูกขังแล้วยื่นประกันมานับสิบครั้ง

...

“เพนกวิน” ผอมแต่ใจสู้ชู 3 นิ้ว

มีรายงานว่าในช่วงเช้า จำเลยทั้งหมดเดินทางจากเรือนจำมาศาล เข้าห้องควบคุมใต้ถุนศาล แต่ละคนชูมือ 3 นิ้วเป็นสัญลักษณ์ โดย น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล มีมวลชนที่มาให้กำลังใจส่งเสียงเรียกหา ทำให้ น.ส.ปนัสยาถึงกับตาแดงโบกมือส่งกันไปมา ส่วนนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมมาถึงใต้ถุนศาล จากการสังเกตนายพริษฐ์ดูผอมไปมากแต่ยังชู 3 นิ้ว ตะโกนว่า “ผมฝากบอกเขาด้วยว่า ถึงเขาจะขังผมได้ แต่เขาไม่อาจขังความจริงได้ ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่กรงขัง เครื่องทรมานหรือหลักประหาร”

ทนายเผยจำเลยมี 22 คน

ต่อมานายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล กับพวกรวม 18 คน มีการรวมสำนวนกับแกนนำที่ถูกฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ 4 คน รวมจำเลยที่จะต้องมาศาลวันนี้ 22 คน รวมทั้งวันนี้ ศาลนัดฟังคำสั่งเรื่องการขอย้ายที่คุมขังระหว่างพิจารณาคดีจากเรือนจำพิเศษธนบุรี มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ของนายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ด้วย

โวยถูกขังรวมนักโทษเด็ดขาด

นายกฤษฎางค์กล่าวต่อว่า ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ย้ายเรือนจำหรือไม่ อีกทั้งยังมีประเด็นที่จำต้องพูดคุยกับศาล กรณีของเพนกวินที่ถูกนำตัวไปคุมขังรวมกับนักโทษเด็ดขาด เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ได้สอบถามถึงเหตุผลเรื่องการคุมขังดังกล่าวไปทางกรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ สำหรับแนวทางการประกันตัวผู้ต้องหา วันนี้จะปรึกษากับครอบครัวของแกนนำอีกครั้ง หลังจากนี้จะต้องคงให้แกนนำทุกคนได้ตัดสินใจถึงแนวทางการต่อสู้คดีต่อไป

ไบรท์เผยกวินประท้วงอดข้าว

ต่อมาเวลา 12.00 น. หลังการพิจารณาช่วงเช้า นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง แกนนำราษฎรนนทบุรี 1 ในจำเลยให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการพิจารณาคดีว่า ในห้องพิจารณาคดี นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ได้ขออนุญาตแถลงต่อศาลถึงความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่ศาลไม่อนุญาต จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาประกบตัวและเกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อเพนกวินประกาศความอึดอัดใจ เหตุใดศาลไม่ให้ประกันตัวทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน โดยเทียบเคียงกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิดแต่ได้ประกันตัว ไม่ต้องตัดผม พร้อมประกาศประท้วงด้วยการอดข้าว ดื่มแต่น้ำจนกว่าจะได้ประกันตัว จากนั้นบรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีเกิดความวุ่นวายขึ้น มีมวลชนที่ เข้าไปร่วมฟังการพิจารณาระบายอารมณ์ด้วยการกรีดร้อง เขวี้ยงขวดน้ำลงพื้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวเพนกวิน และจำเลยคนอื่นลงไปควบคุมที่ห้องควบคุมจำเลยด้านหลัง

เปลี่ยนที่ควบคุมไมค์, ไผ่, โตโต้

ต่อมาเวลา 12.00 น. มีรายงานว่าในส่วนคำร้องขอเปลี่ยนสถานที่ควบคุมนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง นายจตุรพัฒน์ หรือไผ่ ดาวดิน นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ ที่อ้างว่ากรมราชทัณฑ์คุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีไม่ถูกต้อง โดยศาลมีคำสั่งลงมาสำหรับจำเลยแต่ละคนมีใจความสอดคล้องกัน คือ อนุญาตให้ย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพทุกคนแล้ว

...

ก.ม.ให้อำนาจอธิบดีราชทัณฑ์

สำหรับรายละเอียดมีดังนี้ คำร้องในส่วนนายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาที่ 1 ที่เรือนจำพิเศษธนบุรีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลเห็นว่าตาม ป.อาญา มาตรา 89 บัญญัติว่าหมายขัง หรือหมายจำคุกต้องจัดการให้เป็นไปตามหมายนั้นในเขตของศาลซึ่งออกหมาย แสดงว่าการคุมขังต้องเป็นไปตามหมายศาล เว้นแต่มีการบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในกฎหมายอื่น ซึ่งตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 40 ประกอบกฎกระทรวง กำหนดระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขังการควบคุมและการแยกคุมขังและการย้ายผู้ต้องขัง พ.ศ.2563 อันเป็นกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำหนึ่งไปอีกเรือนจำหนึ่งได้ หากเป็นคนต้องขังและคนฝากขังให้ขออนุญาตศาลก่อน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นจะย้ายบุคคลดังกล่าวก่อนก็ได้ แต่ต้องรายงานให้ศาลทราบนั้น

เหตุด่วนย้ายก่อนค่อยแจ้งศาล

เห็นได้ว่าการย้ายผู้ต้องขังต้องขออนุญาตศาลก่อน เว้นแต่มีเหตุจำเป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะย้ายบุคคลดังกล่าวก่อนก็ได้แล้วแจ้งให้ศาลทราบ เพราะมิฉะนั้นแล้วการย้ายผู้ต้องขังจะเป็นการย้ายไปตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามหมายศาล ตามป.วิอาญามาตรา 89 ไปเสียทั้งหมด เมื่อข้อเท็จจริงจากทางไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.64 มีกลุ่ม มวลชนเป็นจำนวนมากที่ศาลอาญา และที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ 1 พฤติการณ์เช่นนี้ถือว่ามีเหตุอันจำเป็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีอำนาจย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปก่อน แล้วแจ้งให้ศาลทราบได้ เนื่องจากอาจจะมีการก่อเหตุร้ายหรือความไม่สงบเรียบร้อย หรือทำลายทรัพย์สินทางราชการ หรือมีเหตุพิเศษอย่างอื่นแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ชอบด้วยกฎหมายดังที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว

...

สถานการณ์คลี่คลายให้ย้ายกลับ

อย่างไรก็ตาม ได้ความจากเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าเหตุที่นำตัวผู้ต้องหาที่ 1 ไปขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี เนื่องจากวันดังกล่าวมีกลุ่มมวลชนเป็นจำนวนมากที่ศาลอาญาและเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ เมื่อเหตุการณ์หลังจากวันที่ 8 มี.ค.64 ไม่มีมวลชนที่ศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อันอาจจะมีการก่อเหตุร้ายหรือความไม่สงบเรียบร้อย หรือทำลายทรัพย์สินทางราชการ หรือมีเหตุพิเศษอย่างอื่นอีก แสดงว่าเหตุอันจำเป็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีย่อมหมดสิ้นไปแล้ว

เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯรับมือได้

เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเบิกความว่า หากนำผู้ต้องหาที่ 1 ไปไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการแออัดและโรคโควิด-19 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับว่าเป็นเรือนจำที่มีขนาดใหญ่มีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลและบริหารจัดการที่ดีที่สุดในประเทศไทย นักโทษคดีการเมืองคนสำคัญหลายคนไม่ว่าจะเป็นคดี กปปส. คดี นปช. และคดีนายอานนท์ นำภา กับพวก ล้วนแต่อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่มีปัญหาอุปสรรค เชื่อว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์สามารถควบคุมกำกับและดูแลได้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิ์ผู้ต้องหาที่ 1 ให้มี สิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันทุกคนให้เป็นไปตามกฎหมายและความยุติธรรม มีเหตุสมควรให้นำผู้ต้องหาที่ 1 กลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ครั้งหน้ามีเหตุให้เร่งแจ้งศาล

ทั้งนี้ หากมีเหตุอันจำเป็นที่เกิดขึ้นใหม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย่อมมีอำนาจที่จะย้ายผู้ต้องขังได้ตามกฎหมาย แต่ต้องรายงานให้ศาลทราบโดยเร็ว อย่าให้ล่าช้าขึ้นอีก เพราะอาจทำให้คู่ความหรือประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายเข้าใจผิดและสับสนได้ว่า ราชทัณฑ์ไม่ปฏิบัติตามหมายศาล และกฎหมายกรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นตามคำร้องของทนายผู้ต้องหาที่ 1 อีกต่อไป เนื่องจากเป็นรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง

...

เตือนทนายระวังการให้ข่าว

ทั้งนี้ ได้กำชับทนายของพวกผู้ต้องหา ให้ระมัดระวังเรื่องการให้ข่าวสื่อมวลชนและการโพสต์ข้อความต่างๆลงในเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นเกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาคดี เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดี และความปลอดภัยได้ มิฉะนั้นจะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป หลังจากศาลทยอยมีคำสั่งย้ายเรือนจำ บรรดาผู้ต้องหากับพรรคพวกถึงกับมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น

เลื่อนนัดตรวจหลักฐาน 29 มี.ค.

ต่อมาเวลา 16.40 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความเผยอีกครั้งว่า ศาลได้รวมสำนวนคดีในส่วนของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับพวกรวม 4 คน กับสำนวนในส่วนของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง กับพวกรวม 18 คนแล้ว เป็นคดีเดียวกัน เลื่อนไปนัดพร้อมตรวจหลักฐานต่อไปในวันที่ 29 มี.ค.64 เวลา 09.00 น. เนื่องจากจำเลยบางคนไม่ได้มาศาล

ทูตมะกัน–อียู 8 คนร่วมฟังคดี

สำหรับกรณีที่นายพริษฐ์ถูกคุมขังรวมกับนักโทษเด็ดขาดนั้น ทนายความได้แจ้งให้ศาลทราบแล้ว ศาลทำบันทึกแจ้งขออนุเคราะห์ไปยังราชทัณฑ์ให้ช่วยดูแลต่อไป ส่วนจำเลยที่ไม่ได้มาในวันนี้ คือนาย อรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ติดนัดคดีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น และนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ ติดดูแลมารดาป่วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สถานทูตที่มาสังเกตการณ์ มีเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรปและทูตสหรัฐอเมริกา 8 ท่าน ที่แจ้งความประสงค์มาฟังคดี เนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาช่วงบ่ายก็เงียบสงบ

แม่กวินเผยเหตุลูกอดอาหาร

ด้านนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เพียงกอดอยู่ด้านหลัง ตอนที่เพนกวินประกาศจะอดอาหาร ตกใจมาก เพราะกังวลเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว ได้เพียงหวังว่าเพนกวินจะอยู่ได้และทำตามเจตนารมณ์ได้สำเร็จ ก่อนหน้านี้เพนกวินเองบอกแม่มาเสมอจะเสียสละด้วยชีวิตของตัวเอง การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการเสียสละ เพนกวินพูดคุยกับแม่ว่าในขณะที่อยู่ในเรือนจำไม่รู้ว่าจะต้องแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องยังไงจึงเลือกวิธีนี้เพราะเป็นหนึ่งในสันติวิธี หากถามถึงความกังวลเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็กังวลถ้าลูกตัดสินใจใช้วิธีนี้ เพราะปกติแล้วการใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากไม่สะดวกสบาย

เป็นห่วงเรื่องเรียนเรื่องสอบ

แม่เพนกวินแกนนำคนสำคัญกลุ่มราษฎรกล่าวต่อว่า จากที่หลายคนได้สังเกตพบว่า ตามตัวเพนกวินมีตุ่มแดง เพนกวินบอกว่าน้ำในเรือนจำ ไม่ได้สะอาดมากพอ แม่เลยเตรียมน้ำสะอาดเข้าไปให้เพนกวินไว้ใช้ดื่มและใช้ล้างตัวอีกรอบ ในส่วนของการประกันตัว จะพูดคุยกับทนายความอีกครั้ง ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้นับเลยว่ายื่นขอประกันไปกี่ครั้ง แต่ยืนยันว่าจะขอยื่นประกันต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วอยากให้เพนกวินได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก เพราะยังกังวลในเรื่องเรียนและสอบ เพราะเพนกวินยังอยู่ในสถานะนักศึกษา การอ่านหนังสือในเรือนจำถือว่าเป็นเรื่องยาก จะทำอะไรก็ไม่สะดวกแต่แม่ก็จะเตรียมส่งหนังสือให้เรียนไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีหนังสือเกี่ยวกับการเมืองที่เพนกวินชื่นชอบ การที่เพนกวินได้อ่านหนังสือเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จิตใจของเขาสงบ

REDEM ยันชุมนุมเย็น 20 มี.ค.

ส่วนความเคลื่อนไหวในเทเลแกรม กลุ่ม REDEM มีการออกประกาศสำคัญแจ้งแนวร่วม ให้ทราบว่าเนื่องจากวันที่ 20-23 มี.ค. มีการสอบ GAT-PAT/O-NET 27-28 มีนา/9 วิชาสามัญ 3-4 เม.ย. ของนักเรียนชั้น ม.6 มีการเรียกร้องว่าขอให้เลื่อนการชุมนุม แต่ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งให้เหตุผลว่าได้ลางานไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อรักษาเจตนารมณ์ที่มวลชนได้โหวตไปก่อนหน้า และให้นักเรียน ม.6 สอบได้โดยไม่ยากจากการถูกปิดกั้นถนนของรัฐและผังเมืองที่ย่ำแย่ การชุมนุม 20 มี.ค.จะมีช่วงเย็นนอกเวลาสอบและจัดในเขตพระนคร

“บิ๊กป้อม” ไม่รู้จะเดินทะลุไปไหน

อีกด้านหนึ่งเมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มเดินทะลุฟ้าที่ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาลว่า เขาจะเดินทะลุไปที่ไหนจะไปรู้หรือ ปล่อยให้เขาตั้งหมู่บ้านไป