• เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อสื่อต่างประเทศอ้างว่า โจชัว ฮูตากาลัง หนุ่มช่างทำโลงศพ วัย 33 ปี ชาวอินโดนีเซีย กลายเป็นเศรษฐีแบบไม่รู้ตัว เมื่อได้โชคจากนอกโลก เพราะอยู่ๆ อุกกาบาตลูกหนึ่ง หนักประมาณ 2.1 กิโลกรัม หล่นตูมเฉียดหลังคาบ้านของเขาในจังหวัดสุมาตราเหนือ ก่อนมีผู้เสนอราคาขอซื้อก้อนหินจากอวกาศก้อนนี้ ด้วยเงิน กว่า 1.4 ล้านปอนด์ หรือ 56 ล้านบาท

  • อุกกาบาตก้อนนี้ อยู่ในจำพวก คอนไดรต์ คาร์บอเนต CM1/2 ชนิดหายาก อายุเก่าแก่ 4.5 ล้านปี จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุกกาบาตจากสหรัฐฯ ซึ่งพำนักอยู่ในบาหลี ได้รีบเดินทางไปยังบ้านของโจชัว ก่อนมีการซื้อขายส่งมอบให้เจย์ เปียเทค แพทย์ และนักสะสมอุกกาบาตจากอินเดียนาโปลิส รัฐอินดีแอนา ในสหรัฐฯ

  • ล่าสุดสื่ออินโดนีเซีย รายงานข้อเท็จจริงว่าโจชัว ขายอุกกาบาต ในราคาเพียง 200 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 4.3 แสนบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 56 ล้านบาท อย่างที่เป็นข่าว เพราะเป็นราคาประเมินโดยนักสะสมต่างชาติ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเหมือนถูกหลอก ภายหลังขายในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง กว่า 100 เท่า


     
  • “อุกกาบาต” วัตถุลึกลับจากอวกาศลงสู่พื้นโลก มีหลักฐานว่ากว่า 5,000 ปี ชาวอียิปต์โบราณนิยมใช้เศษอุกกาบาต ทำเครื่องประดับ และได้ทำให้หลายคนเป็นเศรษฐีมาแล้ว โดยเฉพาะอุกกาบาตที่มีอายุมากและมีความสวยงาม ราคายิ่งแพงมหาศาล โดยในอดีตมีการประมูลได้ราคาสูง เกือบ 60 ล้านบาท

  • เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้าน ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ป่าชุมชนเขตติดต่อบ้านแม่สะต๊อก กับบ้านนาฮ่อง เพื่อเก็บหินประหลาดหน้าตาคล้ายอุกกาบาต หลังมีชาวบ้านพบแสงประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้า

  • สุดท้ายพบกับความผิดหวัง เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. ยืนยันไม่ใช่อุกกาบาต เพราะมีรูพรุน น่าจะเป็นหินอัคนีพุ หรือหินภูเขาไฟ ที่มีลักษณะเฉพาะตัวมีรูพรุนจากฟองอากาศของลาวาก่อนแข็งตัว ซึ่งหินภูเขาไฟสามารถพบได้ตามพื้นที่ของภูเขาไฟทั่วไป

  • ข้อมูลสมาคมดาราศาสตร์ไทย ระบุ อุกกาบาตเป็นชิ้นส่วนของวัตถุในระบบสุริยะ เช่น ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ แบ่งเป็น 3 ประเภท 1.อุกกาบาตหิน 2.อุกกาบาตเหล็ก และ 3.อุกกาบาตเหล็กปนหิน โดยในไทยเคยบันทึกไว้ พบอุกกาบาตนครปฐม ในปี 2466 อุกกาบาตเชียงคาน ในปี 2524 และอุกกาบาตบ้านร่องดู่ ในปี 2536

  • วิธีสังเกตก้อนหินที่อาจเป็นลูกอุกกาบาต เช่น ลักษณะแตกต่างจากก้อนหินที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง น้ำหนักของวัตถุนั้นผิดปกติ มีความแข็งมากเป็นพิเศษ ผิวไหม้เกรียมคล้ายถูกเผา เนื่องจากอุกกาบาตส่วนใหญ่ มีปฏิกิริยากับแม่เหล็ก เพราะมีส่วนผสมของเหล็กและนิกเกิล

  • ขณะที่ในโลกโซเชียลของไทย มีการประกาศขายอุกกาบาต ในหลายๆ ขนาด หลายๆ รูปแบบ ซึ่งทำเป็นเครื่องประดับ หรือคล้ายก้อนหินธรรมดา มีราคาตั้งแต่หลักร้อย ไปถึงหลักหมื่นบาท และส่วนใหญ่พบว่า ขายในราคาหลักร้อยเท่านั้น ซึ่งต่างอ้างว่าเป็นวัสดุที่ทำมาจากอุกกาบาต

...

"ดร.อารี สวัสดี" นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า ในแต่ละวันอุกกาบาต ตกลงยังพื้นโลกในลักษณะเป็นแสงยาว จำนวนนับไม่ถ้วนหลายๆ ตัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งมีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเท่ากับหัวนิ้วมือ ไปจนถึงขนาดเท่ากำปั้นของคน และใหญ่สุดมีน้ำหนักมากถึง 1 ตัน โดยอุกกาบาต เป็นก้อนหินตกลงมาจากอวกาศมาสู่โลก เนื่องจากแรงดึงดูดของโลก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อุกกาบาตโลหะ มีส่วนผสมของเหล็ก และไม่เป็นโลหะ ซึ่งเป็นทราย

ส่วนราคาของอุกกาบาต ขึ้นอยู่ที่คนจะตั้งราคาขึ้นมา และคนซื้อมีความพอใจจะซื้อหรือไม่ ซึ่งอุกกาบาตที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จะมีราคาแพงมาก และแล้วแต่ความนิยมของคน นำไปสู่การประมูลราคา ทั้งๆ ที่เป็นก้อนหินปกติในแง่ดาราศาสตร์ บางคนเก็บอุกกาบาตได้ก็เก็บไว้ไม่ยอมขาย แต่ทางดาราศาสตร์ จะเก็บอุกกาบาตไว้ศึกษาทางวิชาการ โดยอุกกาบาต เป็นสิ่งหลอมเหลวที่มาจากอวกาศ เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศ จะมีความแข็ง

“อุกกาบาตส่วนใหญ่จะตกลงไปในน้ำแล้วหายไป เพราะโลกมีเพียง 1 ส่วนเท่านั้น ที่เป็นพื้นดิน อีก 3 ส่วนเป็นน้ำ เป็นทะเล มหาสมุทร หรือเมื่อตกบนพื้นดินที่เป็นดินอ่อน จะจมลงไปในดิน ยกเว้นเป็นพื้นดินแข็ง หากใครโชคดีก็จะเจอ แต่ส่วนใหญ่จะเจอน้อยมาก เคยมีหลายๆ คน เห็นแสงพุ่งไป เมื่อไปค้นหายังจุดต่างๆ ไม่ค่อยจะเจอ สิ่งพวกนี้มันเป็นธรรมชาติ เป็นวิทยาศาสตร์ในเรื่องวัตถุตกจากท้องฟ้า ตกทุกวันทั่วโลกเป็นตันๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็น อย่างในกรุงเทพฯ นานๆ เจอที ให้นึกถึงแผนที่โลก มันใหญ่แค่ไหน โอกาสที่จะตกในกรุงเทพฯ นั้นยากมากจริงๆ”.