- 20 ธ.ค.63 กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้ง อบจ.
- เป็นการเลือกตั้งนายกฯ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ครั้งแรกในรอบ 6 ปี
- คุณสมบัติ ข้อห้าม ข้อกำหนด ข้อควรปฏิบัติ สำหรับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
วันที่ 26 ตุลาคม 2563 กกต.ได้ออกประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาองค์การบริารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายก อบจ. โดยมีการรับสมัครเลือกตั้งในระหว่างวันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2563
พร้อมกำหนดวันเลือกตั้ง คือ วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563
ถือเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังมีการ รัฐประหาร รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และหลังจากนี้ การเลือกตั้งท้องถิ่นอื่นๆ ทั้งเทศบาล อบต. กทม. จะทยอยตามมา
สำหรับการเลือกตั้ง อบจ. กำหนดเปิดรับสมัคร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2563
1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(2) ผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง
(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
(4) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา (เฉพาะผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด)
...
จากนั้น กกต.ใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร อีก 7 วัน ก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา คือวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563
และหลังจากนั้น การหาเสียงจะเข้มข้นโดยลำดับ
2. ข้อกำหนด-ข้อห้ามในการหาเสียง
พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่นมาตรา 65 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง และวิธีการหาเสียง ข้อห้ามในการหาเสียง
ห้ามให้ผู้ใดหรือผู้สมัครมีการจัดทำเสนอให้สัญญาว่าจะให้ ทรัพย์สินหรือเงินทองหรือประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินได้เพื่อชักจูงให้บุคคลหรือสมาคมกลุ่มบุคคล ลงคะแนนให้ตัวเอง(ห้ามหาเสียงโดยวิธีโฆษณาหาเสียงรื่นเริง ห้ามการหาเสียงโดยวิธีการจัดเลี้ยง ห้ามการหาเสียงโดยวิธีการบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับและถอนสิทธิ์เลือกตั้ง
ทั้งนี้ การหาเสียงผ่านโซเชียลหรือ แอปพลิเคชันต่างๆ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการในลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งหากผู้สมัครจะหาเสียงทางโซเชียล หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถทำได้ แต่หากมีค่าใช้จ่าย ผู้สมัครจะต้องแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบ ก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครนายก อบจ.จังหวัด และ ส.อบจ.
นอกจากน้ี พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 34 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับใหม่ มีข้อห้ามข้าราชการการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, ส.ส., ผู้ช่วยดำเนินงาน ส.ส. รวมถึงสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ช่วยผู้สมัครหาเสียง
3. วงเงินในการหาเสียง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัคร นายก อบจ. และสมาชิก อบจ. กกต.ได้ประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น จำนวน 76 จังหวัด แตกต่างกันไป
โดยจังหวัดที่มีจำนวนเงินค่าใช้จ่ายสูงสุดในครั้งนี้ คือ จ.นครราชสีมา การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ใช้เงินหาเสียงได้ไม่เกิน 19,000,000 บาท และการเลือกตั้ง ส.อบจ. ใช้ได้ไม่เกิน 440,000 บาท
รองลงมา จ.อุดรธานี แบ่งเป็น การเลือกตั้งนายก อบจ. 15,120,000 บาท การเลือกตั้งสมาชิก อบจ. 380,000 บาท
ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งน้อยที่สุดคือ สมุทรสงคราม แบ่งเป็น การเลือกตั้งนายก อบจ. 1,200,000 บาท การเลือกตั้งสมาชิก อบจ. 200,000 บาท
4. ผู้ช่วยเหลือในการหาเสียง
ก่อนที่จะดำเนินการหาเสียง โดยมีผู้ช่วยเหลือในการหาเสียง ต้องแจ้งผู้ช่วยเหลือในการหาเสียงไปที่ กกต.จังหวัดก่อนว่ามีกี่คนทำหน้าที่อะไร จ่ายค่าตอบแทนอย่างไร ต้องแจ้งรายละเอียด รวมถึงเรื่องการขับรถโฆษณาหาเสียงต้องแจ้งรายละเอียดไปที่ กกต.จังหวัด
ในส่วนของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
5. การเตรียมพร้อมก่อนเลือกตั้ง
(1.) 20 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ที่ที่ว่าการอำเภอที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เขตชุมชน หรือที่เลือกตั้ง
(2.) 15 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง เจ้าบ้านจะได้รับหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้ตรวจสอบชื่อ-นามสกุลและที่เลือกตั้ง
(3.) 10 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง หากเห็นว่าไม่มีชื่อตนเองหรือมีชื่อผู้ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งปรากฏในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ยื่นคำร้องขอเพิ่มขึ้น-ถอนชื่อต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น
...
6. หลักฐานที่ใช้ในการเลือกตั้ง
(1.) บัตรประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
(2.) บัตรหรือหลักฐานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้มีรูปถ่ายและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
สุดท้าย ผู้นำท้องท้องถิ่นควรมีลักษณะอย่างไร
7. ควรจะเลือกใคร
"เป็นคนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่น รับรู้ปัญหาของท้องถิ่น มีคุณธรรมและรู้จักเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว มีการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ผิดกฎหมาย เข้าถึงประชาชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นและนำมาแก้ไขโดยเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและปฏิบัติได้จริง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนา เป็นแบบอย่างของการรู้จักรักษาประโยชน์ส่วนรวม มีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตย ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง เช่น แจกเงินหรือสิ่งของ"
20 ธันวาคมนี้ ไปใช้สิทธิ์ของความเป็นคนไทย เลือกคนดีไปทำหน้าที่ในสภาองค์การบริการส่วนจังหวัด หลังจากร้างราไม่มีการเลือกตั้ง มาถึง 6 ปี
"อย่าเลือกคนทุจริต อย่าคิดขายเสียง"
ขอบคุณข้อมูลจาก กกต.