ตำรวจภาค 5 พร้อมแพทย์เชียงใหม่ตั้งโต๊ะแถลงผลผ่าศพรอบ 2 “จารุชาติ มาดทอง” พยานปากเอกคดีบอส หลุดคดีชนตำรวจ ผบช.ภ.5 ระบุน่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่จะตรวจสอบทุกข้อที่สังคมสงสัย ส่วนแพทย์ชี้ผลตรวจรอบ 2 เหมือนกับครั้งแรกและไม่พบร่องรอยถูกซ้อม มีเลือดออกที่ก้านสมองเป็นจุดสำคัญทำให้เสียชีวิต “วิชา” เรียกประชุมนัดแรก ตั้ง 4 คณะตรวจสอบอัยการ-ตำรวจ-บุคคลทั่วไปและกฎหมายบวกทีมรวบรวมเอกสาร ประเดิมเรียกอัยการแจง 5 ส.ค.นี้ ด้านคณะ กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตร.จ่อเรียก “น้องเนวิน” ให้ข้อมูลปมไม่เห็นแย้งอัยการสัปดาห์นี้ ขณะที่ “บิ๊กตู่” รอฟังความเห็นคณะกรรมการศึกษาก่อนรื้อคดีได้ไหม

ประชาชนทั้งประเทศและตำรวจชั้นผู้น้อยยังคงจับตาว่าคดีจะจบอย่างไร หลังอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.55 ตำรวจหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องไม่ว่าท้องที่หรือ ตม.ต่างถอนหมายจับรวมทั้งประสานตำรวจสากล ถอนหมายแดง“อินเตอร์โพล” เป็นเหตุให้นายวรยุทธที่หลบหนีอยู่นอกประเทศพ้นผิด สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้แบบไร้มลทิน แต่ในขณะที่หลายฝ่ายจี้ให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพราะเคลือบแคลงสงสัยในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะตำรวจและอัยการ กลับพบว่านายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงราย 1 ใน 2 พยานปากเอก ที่ให้การว่านายวรยุทธขับรถไม่เกิน 80 กม./ชม. จนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถ จยย.ขี่ชนกัน ที่ถนนห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อตี 1 เศษ วันที่ 30 ก.ค.63 ยิ่งสร้างความงงงันระคนสงสัยให้กับสังคมมากยิ่งขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตร มีคำสั่งให้อายัดศพชันสูตรศพรอบ 2 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

...

ตร.–หมอร่วมประชุมสรุปผลชันสูตร

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่ห้องประชุมบุญสม มาร์ติน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ มีการประชุมสรุปผลการชันสูตรศพนายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญ มี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ตำรวจชุดสอบสวนสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จ.เชียงใหม่ และชุดสืบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ รวมทั้งตำรวจกองปราบปราม นำทีมโดย พ.ต.อ.ปทักษ์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. ที่ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ให้มาร่วมสอบสวนคลี่คลายคดี พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ รวมทั้งทีมแพทย์ที่ร่วมในการผ่าพิสูจน์ศพ เข้าร่วมประชุม ท่ามกลางบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด

เบื้องต้นน่าจะเป็นอุบัติเหตุ

หลังประชุม พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เปิดแถลงข่าว โดยพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พนักสอบสวนได้สอบสวนอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ตรวจสอบกล้องทุกจุด เริ่มตั้งแต่ผู้ตายและนายสมชาย ตาวิโน ผู้บาดเจ็บไปนั่งดื่มสุราที่ร้านขายสุรา ย่านพืชสวนโลก โดยนั่งคนละโต๊ะ พอร้านปิด นายสมชาย คู่กรณีหยิบเหล้าออกจากร้าน มาเจอ ผู้ตายนั่งหน้าร้าน ชวนคุยตามประสาคนเมา ก่อนชวนกันไปต่อร้านสาวแถวสันติธรรม แล้วทั้งคู่ขี่รถ จยย.ตามกันไประยะทางกว่า 5 กิโลเมตร นายจารุชาติจะแซงแต่เฉี่ยวใส่รถนายสมชายจนเกิด อุบัติเหตุเสียชีวิต ตลอดเส้นทางไม่มีรถนำหน้าหรือตามหลัง จนหลังเกิดเหตุก็มีกู้ภัยและพลเมืองดีมาช่วย การสรุปเบื้องต้นคดีนี้น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ตอนนี้รอผลจากการตรวจทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อจะได้ชี้แจงทุกประเด็นให้ตอบข้อสงสัยของสังคมให้ได้ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องที่ผู้ตายทำงานให้อดีต ส.ว. และมีสปอนเซอร์ กำลังตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อกระจ่างทุกข้อสงสัย

หมอชี้ถึง รพ.ไม่มีชีพจรแล้ว

ด้าน ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่าสรุปวันที่ทีมแพทย์รับตัวนายจารุชาติ พบว่าโคม่า ไม่มีชีพจรแล้ว ทีมแพทย์ปั๊มหัวใจนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนประกาศการเสียชีวิต สันนิษฐานได้ว่านายจารุชาติ น่าจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ระบุผลทั้ง 2 ครั้งเหมือนกัน

ขณะที่ รศ.พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ เปิดเผยว่า หลังรับศพได้ชันสูตรศพในเวลา 10.00 น.วันที่ 31 ก.ค.63 และการชันสูตรศพรอบสอง ผลทั้งสองครั้งเหมือนกัน สรุปการเสียชีวิตของผู้ตายมีการถลอกด้านซ้ายของศีรษะ บ่าซ้ายเลือดออกที่ฐานก้านสมอง เลือดออกที่บริเวณก้านสมอง เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต นอกจากนั้นยังมีกระดูกซี่โครงซ้ายหัก 1 ซี่ ซี่โครงด้านหน้าร้าวหลังเสียชีวิต น่าจะเกิดจากการปั๊มหัวใจ มีเลือดออกที่ช่องท้อง 1,500 ซีซี ม้ามแตก ไม่มีบาดแผลอื่นใด จากการสแกนร่างกายทั้งหมดก็ไม่พบร่องรอยของโลหะหรือหัว กระสุน ไม่มีบาดแผลอื่นใด อุบัติเหตุแบบนี้ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตแบบนี้ได้ เพราะตามทฤษฎีผู้ตายมีแอลกอฮอล์ในเลือดกว่า 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้ร่างกายขาดการควบคุม พอเกิดการกระแทกจากอุบัติเหตุ ปฏิกิริยาของกล้ามเนื้อเสียไป เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เกิดการสะบัด ระหว่างล้ม ทำให้เกิดการปริแตกของเส้นเลือดในก้านสมองทำให้เสียชีวิตได้

...

ไม่พบร่องรอยบีบคอหรือถูกซ้อม

รศ.พญ.กานดากล่าวอีกว่า ได้ผ่าตรวจพิสูจน์ทุกจุดหมดแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัย ส่วนเรื่องที่มีข้อ สงสัยจะถูกบีบคอ หรือถูกซ้อม ตรวจอย่างละเอียดในรอบสองไม่พบร่องรอยใดๆส่วนการตรวจสารพิษอื่นๆในร่างกายก็กำลังรอผลแล็บที่จะออกในอีกไม่กี่วัน จะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง สำหรับศพนายจารุชาติ โรงพยาบาลจะเก็บรักษาไว้เพื่อรอญาติส่งหนังสือมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร

ขอตรวจสอบต่อเรื่องสังคมสงสัย

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 ได้กล่าวสรุปว่า การผ่าพิสูจน์ในครั้งนี้เพื่อให้หายข้อสงสัยต่างๆและลำดับเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่แรก จะเห็นจากกล้องซีซีทีวี ที่ติดตามมาตลอดทางจนมาถึงอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนมีข้อสงสัยใดอีก ก็พร้อมสอบสวนให้เกิดข้อเท็จจริงสามารถตอบสังคมได้เมื่อถามถึงชายลึกลับที่โทร.ไปแจ้งพ่อแม่ของนายจารุชาติ มาดทอง และซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไปไหน ขอให้ตำรวจตรวจสอบในเรื่องนี้ให้กระจ่างและความเกี่ยวพันที่นายจารุชาติ ไปทำงานอยู่ในบ้านอดีต ส.ว.เชียงใหม่ ที่เกี่ยวพัน ขอให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบแต่จะตรวจสอบเพื่อให้คลายสงสัยทุกประเด็น

ป.ตั้ง 2 ประเด็นอุบัติเหตุ–ฆาตกรรม

ส่วนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีส่งเจ้าหน้าที่ในสังกัดร่วมสืบสวนคลี่คลายปมการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ที่เพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถ จยย.เฉี่ยวชนกันว่า คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ เป็นเรื่องสำคัญ ได้ตั้งไว้ 2 สมมติฐาน คืออุบัติเหตุ และฆาตกรรม ยังไม่ได้ตั้งธงหรือสรุปว่าเป็นไปทิศทางใด แต่การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงร่วมกับตำรวจท้องที่อย่างละเอียดตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มาจนถึงขณะเกิดเหตุว่ามีข้อสงสัย หรือข้อพิรุธใดๆ พร้อมนำผลการผ่าชันสูตรรอบ 2 มาตรวจสอบร่วมด้วย ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นเช่นไร ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน แต่จะทำคดีให้เร็วที่สุด

...

“บิ๊กโต้ง” ถกคณะ กก.ไล่ไทม์ไลน์

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการ โดยกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า เป็นการประชุมไล่ไทม์ไลน์ต่างๆที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าคณะกรรมการชุดนี้ต้องขอเวลาในการทำงาน เพราะต้องดำเนินการเรื่องสืบสวนสอบสวน ไม่ได้ตรวจสอบจากสำนวนเพียงอย่างเดียว ต้องไล่หาความจริงด้วย ไม่ต้องห่วงจะพิจารณาทุกประเด็นที่อยู่ในกรอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลัวว่าการสัมภาษณ์ทุกวันจะทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน สื่อมวลชนบางฉบับนำไปเสนอคลาดเคลื่อน ขณะนี้ต้องดำเนินการทุกอย่างให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ประชาชนจะได้ไม่สับสน อย่างกรณีของหมอฟันก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง เพราะจริงๆไม่ใช่อย่างที่นำเสนอกันออกไป

เรียก “น้องเนวิน” ซักปมไม่แย้งอัยการ

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สัปดาห์นี้คณะกรรมการจะเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาให้ข้อมูล เนื่องจากต้องการถามความเห็นว่าทำไมมีความเห็นไม่แย้งพนักงานอัยการ สำหรับกรณีที่ ผบ.ตร.ไม่ตรวจสอบอีกครั้ง ตรงนี้ชี้แจงไปหมดแล้ว เมื่อ ผบ.ตร.มอบหมายให้ใครรับผิดชอบแล้วก็มอบขาดไปเลย อยากบอกว่าหาก ผบ.ตร.ลงมาตรวจสอบแล้วคดีอื่นๆล่ะ เพราะแต่ละวันมีสำนวนเข้ามาวันละไม่ต่ำกว่า 700 สำนวน หาก ผบ.ตร.ลงมาดูในคดีใดก็บอกว่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติอีก

...

ฟุ้งไม่ใช่เสือกระดาษหาคนผิดไม่ได้

หลังการประชุม พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวอีกครั้งว่า จากการชี้แจงของเจ้าหน้าที่สำนักงานกฎหมายและคดี ที่เรียกมาซักถามตั้งแต่ขั้นตอนการรับความเห็นทางคดีมาจากอัยการ การตรวจสอบข้อเท็จจริง และการประมวลผลตรวจสอบ ก่อนเสนอต่อ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้มีความเห็นทางคดีสั่งไม่แย้งอัยการ พบว่าคณะทำงานดังกล่าวใช้เวลาพิจารณาสำนวนและความเห็นไม่ฟ้องนานกว่า 4 เดือน หยิบยกมาพิจารณาซ้ำหลายครั้ง ก่อนมีความเห็นทางคดีเห็นพ้องกับอัยการ และสั่งไม่แย้ง ส่วนการทำงานของคณะกรรมการของตน ยืนยันว่าไม่ใช่เสือกระดาษ ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ต้องขอให้อดใจรอ เพราะเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง 8 ปี หาผู้บกพร่องในการทำหน้าที่ หากพบว่าใครที่บกพร่องต่อหน้าที่ ก็พร้อมเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาลงโทษแน่นอน

อัยการนัดแถลงคดีบอส 4 ส.ค.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถเฟอร์รารี่ชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เผยว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังประชุมกันอยู่ น่าจะเป็นการสรุปภาพรวมทั้งหมด จะได้นำผลของการพิจารณากราบเรียนอัยการสูงสุด โดยวันที่ 4 ส.ค. เวลา 10.00 น. คณะทำงานจะแถลงผลการตรวจสอบในนามของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนทราบทั้งหมด กำลังเร่งให้ทัน ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนมีการแถลงข่าว ส่วนเรื่องผลยังตอบไม่ได้ รอฟังการแถลงพร้อมกัน สรุปแล้วทุกประเด็นรวมทั้งข้อเสนอแนะด้วย จะแถลงโดยละเอียดให้ทราบ

“บิ๊กตู่” รอดู คกก.ก่อนจะรื้อคดีได้ไหม

ด้านความเห็นในคดีนี้ของนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 2 เขตดินแดง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานนัดแรกว่า ไม่มีอะไรคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะอยู่ฝ่ายบริหาร ชุดนี้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ถ้าเสนออะไรมาหากอยู่ในกรอบที่ตนทำได้ก็จะทำ ต้องดูขั้นตอนเป็นอย่างไร ขั้นตอนมีปัญหาหรือไม่ มีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายปฏิรูปกฎหมายเข้ามาด้วย เมื่อถามว่า นักวิชาการเสนอให้นายกฯใช้อำนาจรื้อคดีจะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังให้ศึกษาอยู่ และให้คณะกรรมการฯดูว่าตนสามารถรื้อได้หรือไม่ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำให้เกิดข้อเท็จจริง ถ้ารื้ออยู่ในขั้นตอนไหน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะคนละอำนาจกัน

สั่งผ่าศพพยานพิสูจน์เพื่อให้ชัดเจน

เมื่อถามถึงการสั่งอายัดศพนายจารุชาติ มาดทอง พยานสำคัญในคดี แสดงว่าการตายมีความผิดปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ฟังมาจากสื่อ สังคมที่ให้ความสงสัย ต้องทำให้เกิดความชัดเจนเท่านั้นเอง ในฐานะที่ตนมีอำนาจควบคุมตำรวจ ก็สั่งไปว่าทำได้หรือไม่ ไปคุยกับญาติเขาว่าตกลงหรือไม่ เลื่อนไปเผาวันหน้าได้หรือไม่ เพื่อจะผ่าศพพิสูจน์ดูว่ามีหลักฐานอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จบตรงนั้น คือต้องลดปัญหาต่างๆที่พูดกันลงมาให้ได้ด้วยข้อ เท็จจริง เมื่อถามว่า คดีนี้เข้าสู่การพิจารณาเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวคณะกรรมการฯคงพิจารณา เมื่อถามว่า เท่าที่นายกฯติดตามมาตลอด เห็นว่ามีข้อพิรุธเช่นกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ติดตามมาตลอด แต่ไปตัดสินไม่ได้ อยู่ในใจ ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับ กระบวนการยุติธรรม

“วิชา” รับมีหลายฝ่ายเสนอให้ปัดฝุ่น

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิชา มหาคุณ ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ถึงข้อเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นผู้พิจารณาว่า ยอมรับมีหลายฝ่ายเสนอ เมื่อถามว่า หากคดีสิ้นสุดแล้วอัยการไม่สั่งฟ้องสามารถรื้อคดีได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังไม่ได้พูดเลยว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ยังไม่มีการพูดอย่างนั้น เมื่อถามว่า นายกฯมีอำนาจสั่งให้รื้อคดีได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า นายกฯสั่งไม่ได้อยู่แล้ว จะไปสั่งอัยการได้อย่างไร แต่นายกฯมีข้อเสนอแนะได้

ตั้ง 4 คณะทำงานสางทุกปม

กระทั่งเวลา 18.00 น. นายวิชาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมว่า คณะกรรมการชุดนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมีความชัดเจนมากขึ้นได้ข้อสังเกตที่ดี เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบประเด็นที่ละเอียดต่อไป โดยตั้งคณะทำงานขึ้น 4 ชุด ได้แก่ 1.คณะทำงานตรวจสอบอัยการ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน 2.คณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ มีนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นประธาน 3.คณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไป มีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยคณะทำงานชุดนี้จะต้องตรวจสอบพยาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นคนที่ไม่ใช่ตำรวจและอัยการ ขณะที่ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะร่วมอยู่ในคณะนี้ด้วย โดยทำหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน นอกจากนี้จะขอผลการประชุม กมธ.การกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยจะขอมาดูให้หมด และ 4.คณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย มีนายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน

มีทีมไอที ปชส.-รับฟังข้อมูล ปชช.

นายวิชากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีคณะทำงานที่มีหน้าที่รวบรวมเอกสาร ทั้งเอกสารหรือสิ่งที่ได้จากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ คลิปหรือข้อคิดเห็น จากประชาชนต่างๆ จะเปิดช่องทางให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น โดยจะมีทีมงานที่เชี่ยวชาญทางไอทีเข้ามาทำงานด้วย รวมไปถึงทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนรับรู้ ถ้าใครต้องการส่งเอกสารหลักฐาน หรือจะให้ข้อมูลใดๆสามารถติดต่อมาที่ตน หรือช่องทางที่เรากำลังจะเปิด หรือว่าคนที่มีความคับข้องใจมีทั้งอัยการและตำรวจที่อยากจะให้ข้อมูลจำนวนมาก อยากได้ทุกความเห็น อย่างไรก็ตาม คณะทำงานแต่ละชุด จะทำงานคู่ขนานกันไปกับคณะกรรมการชุดใหญ่จะประชุมกันสัปดาห์ละ 2 ครั้งเนื่องจากมีความเร่งรัด ให้เสร็จสิ้นได้ใน 30 วัน

5 ส.ค.ประเดิมเรียกอัยการแจงสำนวน

นายวิชากล่าวอีกว่า คณะกรรมการฯจะประชุมครั้งต่อไปในเวลา 10.00 น.วันที่ 5 ส.ค.ที่สำนักงาน ก.พ.เดิม ถนนพิษณุโลก ทั้งนี้ จะขอสำนวนหลักฐานต่างๆจากอัยการ โดยเฉพาะผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานตรวจสอบพิจารณาคดีของอัยการที่จะได้ข้อสรุปในวันที่ 4 ส.ค.โดยจะเชิญฝ่ายเลขานุการของคณะทำงานตรวจสอบของอัยการมาให้ข้อมูล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยึดตามนั้นไปตลอด ถ้ามีข้อเพิ่มเติมอะไรจะพิจารณากันอีกที รวมไปถึงสำนวนของตำรวจที่ สน.ทองหล่อทำมาตั้งแต่ต้น และสำนวนของอัยการที่ทำส่งไปยังศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย เพราะทุกสำนวนจะต้องส่งมาให้เราทั้งหมด รวมไปถึงประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานในคดีของนายวรยุทธ ไม่ว่ามีข้อสงสัยอะไรต้องเอามาดูให้หมด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลการชันสูตรศพของนายจารุชาติ ต้องรอรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และกองบังคับการปราบปราม

เชิญ “บอส” ให้ข้อมูลต้องดูควรหรือไม่

เมื่อถามว่าจะเชิญตัวนายวรยุทธมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายวิชาตอบว่า มอบหมายให้คณะทำงานชุดที่มีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานไปแล้ว คณะทำงานชุดนี้จะเป็นผู้พิจารณาอีกทีว่าจะเชิญบุคคลใดบ้าง ดังนั้น จะต้องดูว่าควรเชิญนายวรยุทธหรือไม่ เมื่อถามว่าหากอัยการสั่งไม่ฟ้องแล้วจะมีช่องทางทำให้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ นายวิชาตอบว่า เรื่องนี้ต้องศึกษาก่อน ในวันที่ 5 ส.ค. คณะกรรมการฯจะคุยกันในเรื่องข้อกฎหมายอย่างละเอียด เมื่อถามว่า นายกฯมีอำนาจที่จะสั่งให้ตำรวจไปทบทวนความเห็นที่ไม่คัดค้านกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่ นายวิชาตอบว่า คณะกรรมการฯชุดนี้ต้องดูว่าหากเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ คือถ้าเสนอแล้วยังกั๊กอยู่ ติดอยู่ ก็ไม่เอา ย้ำว่าเสนอแล้วต้องเป็นไปได้สิ่งที่เราเสนอจะต้องเป็นความแน่นอน จะต้องปรึกษากันอีกที

“ชวน” ได้ข้อยุติให้ 3 กมธ.รวมชุดสอบ

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยภายหลังเรียกประชุมคณะกรรมาธิการสามัญของสภาฯ 3 คณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และคณะกรรมาธิการการตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หลังเกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อนกันว่า ได้ข้อยุติแล้ว ให้รวม กมธ.มาพิจารณากรณีนี้ เหตุที่ไม่อยากให้ กมธ.แต่ละคณะทำงานซ้ำซ้อนกัน เพราะไม่ต้องการรบกวนข้าราชการ บุคคลภายนอกต้องมาชี้แจงซ้ำกัน 3 ครั้ง ควรมี กมธ.ชุดใดชุดหนึ่งเป็นเจ้าภาพเพื่อมาประชุมร่วมกัน

กมธ.ตร.สอบเสร็จสิ้นแนะรื้อคดี

ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประธาน กมธ.ตำรวจ กล่าวว่า ได้แจ้งต่อนายชวนแล้วว่า ภารกิจการตรวจสอบคดีนายวรยุทธ ในส่วน กมธ.ตำรวจเสร็จสิ้น เพราะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง และได้ข้อมูลระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องความเร็วของรถ สารเสพติด เป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ กมธ.จะรวบรวมเอกสารข้อมูลต่างๆมอบให้ประธานสภาฯภายในสัปดาห์นี้ เพื่อส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า กระบวนการสืบสวนสอบสวนครั้งนี้ไม่น่าจะถูกต้องชอบธรรม ควรรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ แต่ถ้ารื้อฟื้นคดีโดยให้ทายาทฟ้องคดีอาญานั้นพบทางตัน แต่ กมธ.มองเห็นว่าน่าจะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งฟ้องตำรวจและอัยการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากศาลเห็นว่าทำผิดก็รื้อฟื้นคดีใหม่ได้ ขณะเดียวกัน กมธ.กำลังประสานทายาทตำรวจที่เสียชีวิต เพื่อให้ความช่วยเหลือรื้อฟื้นคดีต่อไป

จ่อตั้งกรรมการสอบดุลพินิจบิ๊กอัยการ

มีรายงานว่าหลังจากอัยการสูงสุดตั้งคณะกรรมการ 7 คนสอบหาข้อเท็จจริงคดีบอส แนวทางของคณะทำงานอัยการเรื่องกรณีสั่งไม่ฟ้องว่า ข้อสรุปการสอบน่าจะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องต้น กรณีการใช้ดุลพินิจของ “อัยการชั้นผู้ใหญ่” นายหนึ่ง ที่พิจารณาสำนวนฟ้องแล้วกลับคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา เป็นการใช้ดุลพินิจโดยละเอียดรอบคอบและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีรายงานว่าเมื่อมีการแถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วก็จะเสนอ อสส.เซ็นตั้งสอบอัยการผู้นี้ออกมา หากผลสอบออกมาว่าส่อที่จะสั่งคดีโดยไม่ถูกต้องเรื่องดังกล่าวก็ถูกนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ ก.อ.เพื่อพิจารณาอีกครั้งเพื่อสั่งสอบวินัยหรือวินัยร้ายแรงตามลำดับ แต่ถ้าไม่มีมูลก็เป็นอันยุติ