อีกคดีสุดสะเทือนขวัญ สั่นหัวจิตหัวใจของประชาชน จนเป็นที่โทษจันไปทั่วทั้งประเทศ ยังมีคดี “ศักดิ์ ปากรอ ฆ่าโหด 5 ศพ” นอกเหนือจากคดี “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่องพฤติกรรมโหดร้าย ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ย้อนเล่าตามคดี เรื่องราวฆาตกรรมที่โหดที่สุดในปี 2540
หญิงชราสูงอายุเดินกระย่องกระแย่งมายังบ้าน 2 ชั้น ขนาดใหญ่ใน อ.สิงหนคร จ.สงขลา พลางตะโกนร้องเรียกคนในบ้าน แต่เงียบไม่มีเสียงตอบ...
นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี เดินช้าๆ ตามประสาคนสูงอายุ ออกจากบ้านพักของตน ซึ่งอยู่ห่างไปราว 150 เมตร เพื่อมาหาลูกชาย นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานีอนามัยตำบลปากระวะ อำเภอระโนด จ.สงขลา อันที่จริงนางกิ้มอิ้นจะมาหาหลานย่าทั้ง 3 คนมากกว่า
เนื่องเพราะปกติทุกวันหยุด หลานๆ ซึ่งเป็นชาย ล้วนตื่นเช้าจะโผล่ไปหาที่บ้าน แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ 26 เม.ย. นางกิ้มอิ้นทำอาหารและขนมรอท่าไว้แล้ว แต่หลานก็ไม่โผล่ไป จนตอนสายนางกิ้มอิ้นจึงเดินมาตามที่บ้าน
นางกิ้มอิ้น เปิดประตูที่ไม่ได้ล็อก พลางตะโกนร้องเรียกอยู่หลายรอบ นางกิ้มอิ้นจึงผลักประตูเปิดออกพลัน เสียงสรรพสิ่งรอบข้างเงียบสนิท แม่เฒ่ายืนตัวแข็งทื่อตาลุกโพลง พลางตะโกนร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพสยองเบื้องหน้า!
เจ้าหน้าท่ีตำรวจท้องถิ่นนำกำลัง เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ โดยสภาพภายในบ้าน แม้แต่ตำรวจก็ยังอดตกตะลึงมิได้ เมื่อพบศพ 4 ศพ ห้อยเรียงกันอยู่ที่ราวบันไดทางขึ้นชั้น 2!
...
ศพแรกคือ นายประภาส เจ้าของบ้าน ส่วนอีก 3 ศพ เป็นลูกชาย ประกอบด้วย ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ทุกศพอยู่ในสภาพใกล้เคียงกัน มีเชือกและผ้ารัดคอ มือ-เท้าถูกมัด และมีผ้ารัดปิดปาก ผูกเรียงกันที่ราวบันได
นอกจากนี้ ภายในห้องนอนใหญ่ชั้น 2 ยังพบศพ นางเจียมจิต บุญทวี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ควนเนียง จ.สงขลา ภรรยาของนายประภาส และแม่ของเด็กทั้ง 3 คน สภาพศพถูกรัดคอด้วยเนกไท มีเชือกมัดมือมัดเท้า และปิดปาก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นำศพส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจพิสูจน์ โดยผลชันสูตรศพของบุคคลทั้ง 5 รายนั้น แพทย์ระบุว่าผู้ตายทั้งหมดถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนจะถูกจับแขวนคอจนขาดใจตาย และไม่พบเศษอาหารหรือยาพิษ และยานอนหลับในกระเพาะอาหารของทั้ง 5 ราย
ภายในห้องนอนชั้นบน ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 ห้อง มีร่องรอยรื้อค้นกระจัดกระจาย ผ้าปูที่นอนถูกฉีกเป็นเส้น บางส่วนนำมาใช้เป็นทูตมรณะ และทรัพย์สินหายไปหลายรายการ
ในครัวมีอาหารที่ตั้งโต๊ะไว้ พร้อมรับประทาน 1 ชุด ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ส่วนศพทั้ง 5 นั้น แพทย์สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10-15 ชั่วโมง
จากหลักฐานที่พบประกอบกับเวลาตาย คาดว่า เป็นช่วงหัวค่ำวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งครอบครัวกำลังจะทานข้าวเย็น แต่กลับถูกคนร้าย ซึ่งคาดว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี บุกเข้ามาสังหาร
ตำรวจสอบปากคำญาติๆ ทราบว่า นายประภาส นอกจากจะทำงานที่สาธารณสุขจังหวัดแล้ว ยังเป็นนายหน้าค้าที่ดินที่มีฐานะร่ำรวย มีที่ดินส่วนตัว และที่ดินมรดกจำนวนมาก
จากวันที่ 25 เม.ย. กินระยะเวลามาจนถึง 18 พ.ค. หรือรวมระยะเวลากว่า 23 วัน ตำรวจพบผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งมีพระเครื่องของนายประภาสที่หายไปในวันเกิดเหตุอยู่ในครอบครอง
...
ผู้ต้องสงสัยให้การว่า ได้พระเครื่องหลวงพ่อคงมาจากนายเรืองศักดิ์ จากนั้นตำรวจได้ออกติดตามตัวนายเรืองศักดิ์ทันที พบว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อเต็มๆ คือ เรืองศักดิ์ ทองกุล หรือศักดิ์ ปากรอ อายุ 22 ปี เป็นคนจังหวัดสงขลา
21 พ.ค. ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายศักดิ์ ปากรอ ได้ในขณะที่ศักดิ์หลบหนีไปอยู่ที่บ้านของน้าชายใน จ.กาญจนบุรี
ในตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวนายศักดิ์ ทราบว่า ออกไปทำธุระข้างนอก จึงกระจายกำลังปิดล้อมรออยู่ จนกระทั่งนายศักดิ์นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างกลับมา โดยในมือถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ตำรวจจึงเข้าจับกุมพร้อมของกลาง พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด และเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายศักดิ์ ปากรอ ให้การว่า ตัวเองมากบดานที่บ้านหลังนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. และได้รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือสังหารนายประภาส บุญทวี กับภรรยาและลูกจริง โดยมีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อ สงกรานต์ ร่วมมือด้วย ส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่า นายศักดิ์อ้างว่า จำเป็นต้องฆ่าเพราะนายประภาสติดหนี้การพนันวัวกับตน 1.3 ล้านบาท
...
โดยการทำแผนเริ่มจากนายศักดิ์ และนายสงกรานต์ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในบ้านของนายประภาส และเข้าไปนั่งคอยอยู่ที่หน้าบ้าน เพราะคุ้นเคยกับเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยติดต่อซื้อขายที่ดินและเล่นพนันวัวลานด้วยกัน
จากนั้น ด.ช.ชัชวาลย์ และ ด.ช.ปรนนท์ ลูกของนายประภาส ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา นายศักดิ์ได้แกล้งขอน้ำดื่ม ด.ช.ปรนนท์จึงไปตักน้ำมาให้
ขณะที่ ด.ช.ปรนนท์กำลังจะส่งขันน้ำให้ นายเรืองศักดิ์ชักปืนขนาด .38 จี้ที่ศีรษะแล้วล็อกตัว ด.ช.ปรนนท์ มัดมือมัดเท้าและมัดปากไปขังในห้องชั้นสอง และนายสงกรานต์ลากตัว ด.ช.ชัชวาลย์ ขึ้นไปรวมไว้ในห้องเดียวกัน พร้อมกับมัดมือมัดเท้าและมัดปาก โดยนายสงกรานต์เป็นคนคุมเด็กไว้
...
จากนั้นนายศักดิ์ ลงมาคอยนายประภาสที่หน้าบ้าน พอนายประภาสกลับเข้ามาบ้าน นายศักดิ์จึงเดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทาย โดยอ้างว่าจะมาขอปรึกษาเรื่องรถหาย นายประภาสจึงชวนเข้าไปนั่งในบ้าน นายศักดิ์ชักปืนออกมาจ่อที่ศีรษะ และตะโกนเรียกนายสงกรานต์มาใช้เชือกมัดมือไพล่หลังแล้วนำตัวไปขังไว้รวมกับลูกชาย และในเวลาไล่เลี่ยกัน ด.ช.กัมปนาท ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน
นายศักดิ์จึงจับตัว ด.ช.กัมปนาท มัดมือมัดเท้าและปากไปไว้ในห้องเดียวกัน สักครู่นางเจียมจิตรกลับมาบ้าน นายศักดิ์ใช้ปืนจี้จับนางเจียมจิตรมัดมือมัดเท้าไปขังไว้ในห้องนอนชั้นสอง และข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนเงิน แต่นางเจียมจิตรไม่ยอมบอก
นายศักดิ์พยายามจะข่มขืนนางเจียมจิตร แต่นางเจียมจิตรขัดขืน จึงใช้เนกไทของนายประภาสรัดคอ จับหัวกระแทกกับพื้นจนเลือดออก และบีบคอจนนางเจียมจิตรนิ่งไป
จากนั้นก็ลงมือค้นทรัพย์สินจากตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และกระเป๋า นำมารวมใส่ถุงพลาสติก เสร็จแล้วนำมีดและกรรไกรมาปอกสายไฟเพื่อนำมาช็อตนายประภาสและลูกถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะบ้านนายประภาสติดระบบเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนวิธีนำ 4 พ่อลูกมานั่งเรียงกันที่หน้าห้องนอน แล้วตัดเชือกผูกรองเท้ามาแขวนคอนายประภาสก่อนเป็นคนแรก ด้วยการผลักลงมาจากชั้น 2
แต่เชือกขาด นายประภาสพยายามวิ่งหนี จึงถูกนายเรืองศักดิ์ตามจับตัวได้แล้วนำมาแขวนคอกับราวบันได แล้วถีบนายประภาสร่วงลงบันได โดยให้ลูกของนายประภาสนั่งหันหน้าเข้าข้างฝา จากนั้นนำเด็กทั้ง 3 คนมาผูกคอแขวนกับราวบันไดโดยใช้วิธีเดียวกัน และรีบหลบหนีไป
ในวันเกิดเหตุนั้น มีประจักษ์พยานอยู่รายหนึ่งด้วย และพยานรายนี้ได้ให้การว่า ได้เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราชมาที่บ้านของนายประภาส บุญทวี เพื่อนำเอกสารการโอนหน่วยกิตมาให้ โดยยืนเรียกที่หน้าบ้าน แต่ไม่มีใครออกมาพบ จึงวางเอกสารไว้ และเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่ คิดว่ามีคนอยู่ในบ้านจึงเดินอ้อมไปด้านหลัง พบนายศักดิ์และนายสงกรานต์กำลังเดินออกมา นายศักดิ์อ้างว่าเป็นหลานชายของนายประภาส และบอกว่านายประภาสยังไม่กลับ และชวนให้ขึ้นไปบนบ้าน แต่ตนขอแค่เข้าห้องน้ำแล้วเขียนเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ให้ จากนั้นเดินทางมาทำธุระที่ จ.ยะลา และวันรุ่งขึ้นจึงได้ทราบข่าวว่า นายประภาสและครอบครัวถูกฆ่าแขวนคอ
คำถามคือ หากพยานคนนี้เดินตามเข้าไปในบ้าน จะเกิดอะไรขึ้น...
จากการสอบสวนเพื่อนของนายศักดิ์ได้รับสารภาพว่า ตนได้ร่วมมือกับนายเรืองศักดิ์ฆ่าครอบครัวนายประภาส โดยตนกับนายศักดิ์ไปดูลาดเลาก่อนลงมือเพียงวันเดียว และนายศักดิ์บอกว่าบ้านนี้รวยมีเงินจากการขายที่ดิน และได้ยินคนในบ่อนพนันวัวพูดว่า นายประภาสขายที่ดินได้เงินล้านกว่าบาท ส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่าภรรยาและลูกผู้ตาย เนื่องจากว่าทั้งหมดจำหน้าพวกตนได้ ไม่ใช่ว่านายประภาสติดหนี้นายศักด์
ในวันที่ศาลอ่านคำพิพากษา เพื่อนของนายศักดิ์ ถึงกับสีหน้าถอดสี เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนศักดิ์ ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ตัวศักดิ์นั้น แสดงท่าทีไม่สะทกสะท้านต่อคำตัดสินประหารชีวิต และใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางๆ ให้เห็นอีกด้วย
ภายหลังจากที่ นายเรืองศักดิ์ ทองกุล หรือศักดิ์ ปากรอ ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ต่อมา ได้มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต และติดคุกอยู่ประมาณ 15 ปี ก็ออกมาสู่อิสรภาพ ตามกระบวนการกฎหมาย
เมื่อออกมาสู่โลกภายนอก นายศักดิ์ สร้างครอบครัวอยู่ใน อ.สะเดา มีลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบเศษ เส้นทางชีวิตไม่ธรรมดา ชื่อเสียงกว้างไกล ทำธุรกิจตามความชำนาญหลายอย่าง แต่แล้วกระทั่งปี 2558 นายศักดิ์ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตในที่สุด.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง