เอาไปสั่งซื้อของนอกมาขายจนฐานะร่ำรวย

รวบหนุ่มแสบพนักงานเคาน์เตอร์มือถือค่ายดังในห้างสรรพสินค้า แอบนำข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของลูกค้าไปสั่งซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศทางออนไลน์ก่อนเอามาลงขายในอินเตอร์เน็ต

ชุดสืบสวน บก.ปอศ.สะกดรอยตามผู้ขี่ จยย.วินที่ผู้ต้องหาจ้างไปเอาของจนจับตัวได้คาหนังคาเขา สอบสวนรับสารภาพทำมานาน 3 ปี จนสามารถซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท รถมินิคูเปอร์ และรถเก๋งอีก 2 คัน เจ้าหน้าที่ธนาคารเตือนควรติดสติกเกอร์ปิดเลข 3 ตัวที่หลังบัตรเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ก.ย. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.กริช วรทัต สว.กก.6 บก.ป. ช่วยราชการ กก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี สว.กก.5 บก.ปอศ. และนายพนมศักดิ์ เครืออินทร์ ผู้จัดการฝ่ายป้องกันการทุจริต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสาธิต จันทร์โพธิ์ อายุ 29 ปี พนักงานเคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทโทรศัพท์มือถือค่ายดัง ภายในห้างเซ็นทรัลพระราม 2 อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 7 ต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ข้อหาปลอมแปลงเอกสารและนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นไปใช้ชำระสินค้าโดยมิชอบ พร้อมของกลาง อาทิ รองเท้าอดิดาสหลายคู่ รวมราคากว่า 2 หมื่นบาท กระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบ นาฬิกาหรูหลายเรือน อาทิ โรเล็กซ์ ทั้งหมดสั่งซื้อทางออนไลน์จากต่างประเทศ ทั้งหมดรวมมูลค่าเกือบแสนบาท

พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกคนร้ายนำรหัสบัตรเครดิตใช้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ อาทิ เว็บไซต์ Amazon และ Ebay รวมมูลค่าเกือบแสนบาท ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ.ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าผู้ก่อเหตุนำข้อมูลบัตรเครดิต ประกอบด้วย เลขบัตรเครดิต วันหมดอายุ เลข CVC หลังบัตร 3 ตัว รวมทั้งข้อมูลบัตรประชาชนเหยื่อไปซื้อของผ่านเว็บไซต์จากต่างประเทศ เมื่อสินค้าส่งมาถึงบริษัทส่งสินค้าในประเทศไทยเพื่อส่งต่อให้ผู้สั่งซื้อ ผู้ต้องหาให้ที่อยู่ปลอมไว้เมื่อไม่เจอผู้รับสินค้าก็จะตีกลับไปยังศูนย์ส่งสินค้า จากนั้นผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงเอกสารใบมอบอำนาจแล้วจ้างวิน จยย.รับจ้างให้ไปรับสินค้าแทน ก่อนนำไปขายตามกลุ่มต่างๆในเฟซบุ๊กและในอินเตอร์เน็ต ชุดสืบสวนได้แอบสะกดรอยวิน จยย.รับจ้างที่ถูกจ้างให้ไปรับสินค้า กระทั่งติดตามจับกุมนายสาธิตได้ที่ริมถนนพระราม 2 บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ขยายผลค้นบ้านพักของผู้ต้องหาอีกหลัง เลขที่ 115/97 หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร พบของกลางหลายรายการ

...

ผบก.ปอศ. กล่าวด้วยว่า สอบสวนนายสาธิต ให้การรับสารภาพว่า เรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเอกชนดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้วทำงานเป็นพนักงานเคาน์เตอร์โทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง ทำหน้าที่เก็บเงินค่าโทรศัพท์ ทำให้สามารถแอบจดข้อมูลบัตรเครดิต หรือใช้มือถือแอบถ่ายรูปเอาไว้ รวมทั้งนำข้อมูลบัตรประชาชนลูกค้า ต่อมาบริษัทจับได้จึงถูกไล่ออก กระทั่งได้ไปทำงานที่บริษัทมือถืออีกค่ายหนึ่งได้ 3-4 เดือน และทำแบบเดิมขโมยข้อมูลลูกค้าไปซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ผู้ต้องหาก่อเหตุมานาน 3 ปี จนนำเงินไปซื้อบ้านย่านพระราม 2 ราคา 2 ล้านบาท รถเก๋งมินิคูเปอร์ ราคา 2.5 ล้านบาท รถฮอนด้าซีอาร์วี ราคา 1.4 ล้านบาท และรถเก๋งโตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคากว่า 1 ล้านบาทเป็นต้น เจ้าหน้าที่อายัดทรัพย์สินที่ได้จากกระทำผิดทั้งหมด นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาธนบุรี

ขณะที่นายพนมศักดิ์กล่าวว่า วิธีป้องกันไม่ให้ถูกคนร้ายนำเลขบัตรเครดิตไปใช้ เมื่อเราให้บัตรเครดิตกับพนักงานไปรูดจะต้องดูไม่ให้คลาดสายตากันการถูกแอบจดเลขบนบัตรและควรนำสติกเกอร์ไปปิดเลข CVC 3 ตัว ที่หลังบัตรกันคนร้ายจะนำไปใช้สมัครในแอปพลิเคชัน ผู้ใช้บัตรเครดิตควรสมัครการแจ้งเตือนส่งข้อความกับธนาคารต้นสังกัดเมื่อมีการรูดซื้อสินค้าด้วย