ว่าด้วยเรื่องน้ำใจ คนไทยเราไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งล่าสุดเรื่องราวของ “ลุงขายโจ๊ก” ชายชราวัย 78 ปีที่มีชีวิตอันแสนรันทด ได้กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วทั้งโซเชียล ยอดเงินบริจาคจากคนไทยใจดีแห่โอนทะลุทะลวงไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่จู่ๆ ดูเหมือนเรื่องราวธารน้ำใจเรื่องนี้จะสะดุดหยุดลง จนหลายคนจับสังเกตว่า งานนี้จะเป็นเรื่องโอละพ่อหรือไม่ ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงให้คุณฟังง่ายๆ ดังต่อไปนี้
- 26 ก.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง นามสมมติ A โพสต์เรื่องราวของนายปกครอง ไทยสมาน ชายชราวัย 78 ปี ตาฝ้าฟาง สุขภาพไม่ดี สู้ชีวิตด้วยการขายโจ๊ก ตั้งแต่เวลาตีสามถึงช่วงสายๆ บางวันยืนขาย 3-4 ชั่วโมง แต่ขายได้เพียงถ้วยเดียว
- คุณลุงขายโจ๊ก ใช้ชีวิตหลับนอนในเพิงเล็กๆ ของชาวบ้านในละแวกนั้น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ และเจ้าของกำลังจะเอาที่ดินคืน เพราะจับได้ว่าลุงมาแอบนอน มิหนำซ้ำ ยังมีแรงงานต่างด้าวเดินผ่านเพิงพักของลุงอย่างขวักไขว่ อีกทั้ง เนื้อหมู ไข่ไก่ที่วางไว้ก็หายอยู่บ่อยครั้ง
- คุณลุงขายโจ๊กรายนี้ มีลูก 2 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว จึงทำให้ภรรยาตรอมใจตายตามลูกไป โดยคุณลุงเล่าให้สื่อและเพื่อนบ้านฟังว่า ลูกของคุณลุงเสียชีวิตจากคดีแพรวา 9 ศพ แต่ผู้ก่อเหตุไม่รับผิดชอบ และคุณตาไม่อยากเปิดเผยเรื่องดังกล่าว เนื่องจากศาลไม่ให้เปิดเผย
- 28 ก.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของโพสต์ต้นเรื่อง นามสมมติ B ได้นำเลขที่บัญชี(ธนาคารไทยพาณิชย์) ของคุณลุงขายโจ๊กมาโพสต์ เพื่อให้ชาวโซเชียลร่วมกันโอนเงินบริจาค โดยระบุว่า คุณลุงจะได้นำเงินบริจาคไปเช่าห้องใหม่ และนำเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
- เรื่องราวของคุณลุงขายโจ๊กกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในโลกโซเชียล ผู้คนหลั่งไหลบริจาคเงิน จนไม่สามารถทราบได้ว่ายอดเงินบริจาคทะลุไปแล้วกี่บาท
- ลุงขายโจ๊ก เล่าว่า ปกติได้กำไร 200-300 บาท หลังเป็นข่าว ทำให้ขายหมด ได้กำไรวันละ 700 บาท และบางคนให้เงินเกินราคาโจ๊ก จึงทำให้มีรายได้ตกวันละ 2 พันกว่าบาท
...
- 1 ส.ค. สาวสวยรายหนึ่ง นามสมมติ น.ส.แอน โพสต์เฟซบุ๊กหลังจากที่ไปเยี่ยมเยียนคุณลุงขายโจ๊ก โดยเธอระบุว่า คุณลุงอยากได้เงินจำนวน 50,000 บาท(ต่อมาคุณลุงขายโจ๊กระบุว่า ต้องใช้เงินกว่า 9 หมื่นบาท รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ) เป็นค่าผ่าตัดรักษาตา เนื่องจากตาดำละลายจากเหตุการณ์แก๊สระเบิดที่ประตูน้ำ หากใครต้องการช่วยเหลือ สามารถบริจาคได้ที่บัญชีของเธอ ซึ่งโพสต์นี้เธอโพสต์เวลาตีห้า ยอดเงินครบในเวลา 10 โมงเช้า และยอดเงินเกินไปถึง 69,050.48 บาท(ต่อมา เธอลบชื่อบัญชีเธอออก โดยให้เหตุผลว่า ป้องกันคนโอนเงินเข้ามาอีกเรื่อยๆ)
- หญิงสาวรายนี้ แสดงความโปร่งใสด้วยการโพสต์ชื่อและยอดเงินของผู้บริจาคทุกคน และนำเงินทั้งหมดทั้งที่เป็นยอดส่วนเกินไปให้คุณลุงขายโจ๊ก
- 2 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นามสมมติ B โพสต์ว่า คุณลุงขายโจ๊กปิดรับบริจาค เนื่องจากยอดเงินในบัญชีมากเกินพอแล้ว
- สังคมตั้งคำถามว่า การผ่าตัดรักษาตา ทำไมค่าใช้จ่ายสูงเกินเหตุ และรัฐก็มีบริการฟรี จะเสียเงินเสียทองไปเพื่ออะไร? : 4 ส.ค. น.ส.แอน ตอบว่า การผ่าตัดรักษาตานั้น แพทย์แจ้งว่า ค่าใช้จ่ายฟรีจริง แต่คิวยาว ซึ่งการมีเงินก้อนช่วยให้ผ่าตัดได้เร็วขึ้น
- สังคมตั้งคำถามว่า ทำไม น.ส.แอน ต้องใช้ชื่อบัญชีของเธอ เพื่อเรี่ยไรเงินบริจาค? : 4 ส.ค. น.ส.แอน ตอบว่า เธอเข้าใจเหตุผลที่ทุกคนสงสัย และเธอยอมรับว่าเธอชะล่าใจเอง
- สังคมตั้งคำถามว่า ลูกของคุณลุงขายโจ๊ก เสียชีวิตจากคดีแพรวา 9 ศพ จริงหรือ เพราะรายชื่อผู้เสียชีวิตไม่ได้เชื่อมโยงกับคุณลุงแม้แต่นิดเดียว? : 5 ส.ค. น.ส.พิศมัย เรืองศิลป์ รักษาการผู้อำนวยการเขตราชเทวี เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ลูกชายคุณลุงเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว(ปี 2561) ด้วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ประสานงา ระหว่างทำงานเป็นแมสเซ็นเจอร์ส่งของ
- เพื่อนบ้านรายหนึ่งของคุณลุงขายโจ๊ก เปิดเผยกับสื่อว่า กรณีที่คุณลุงขายโจ๊กบอกว่า ขายได้วันละไม่กี่ถ้วยนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเห็นว่าขายหมดหม้อทุกวัน
- สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมคุณลุงถึงต้องเดินทางไปรักษาตัวไกลถึง รพ.พระนั่งเกล้า(ห่างจากที่พัก 20 กม.) ทั้งๆ ที่ รพ.ใกล้ที่พักก็มีอีกหลายแห่ง? : น.ส.พิศมัย รักษาการผู้อำนวยการเขตราชเทวี เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นคุณลุงแจ้งว่า เคยไปรักษาตัวที่ รพ.พระนั่งเกล้า มาก่อน ทางสำนักงานเขตจึงแนะนำคุณลุงว่า อยากไปรักษาที่ รพ.กลาง หรือไม่ เพราะใกล้บ้าน และจะจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้
- นอกจากนี้ สังคมยังตั้งคำถามว่า ทำไมบัญชีธนาคารของคุณลุงขายโจ๊ก ถึงไปเปิดไกลถึงหัวหมาก แต่ยังไม่มีใครสามารถตอบคำถามในเรื่องนี้ได้
- 5 ก.ค. เวลา 17.00 น. น.ส.พิศมัย รักษาการผู้อำนวยการเขตราชเทวี เปิดเผยกับทีมข่าวอีกว่า ทราบเบื้องต้นว่าคุณลุงเดินทางไปพบแพทย์ตั้งแต่ตี 4 ของวันนี้ และคุณลุงได้นัดทุกคนมาที่บ้านเพื่อหารือเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อ, เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง, กลุ่มวัยรุ่นที่ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่เห็นว่า คุณลุงขึ้นรถเก๋งสีดำไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน และล่าสุด ไม่มีใครติดต่อคุณลุงได้แต่อย่างใด
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Max Udomsak, พี ท., Awatsada Khamnet