ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น สั่งยกฟ้อง "พรชนก" ผู้ต้องหาคดีฆ่าสามีชาวญี่ปุ่นโดยการผลักตกบันได เอาเงินประกัน หลังไม่สามารถพิสูจน์แรงจูงใจในการก่อเหตุได้
เวลา 10.00 น. ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฆ่าสามีญี่ปุ่น ที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ฟ้องคดีดำที่ 4571/60 มีนายสมชาย แก้วบางยาง และนางเพ็ญศรี หรือพรชนก ทานากะ หรือ ไชยะปะ เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ
กรณีญาติของ นายคาซึโตชิ ทานากะ ที่เคยคบหากับนางพรชนก จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน จนในปี 2546 นายคาซึโตชิ ได้ประสบอุบัติเหตุตกบันไดเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปความเห็นคดีดังกล่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งจากการเสียชีวิตของนายคาซึโตชิ นางพรชนกได้รับเงินประกันชีวิตกว่า 3 ล้านบาท
ต่อมา ญาติของผู้ตายซึ่งทราบข่าวว่า นางพรชนก เกี่ยวข้องกับการตายของ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น จึงได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดี ชั้นสอบสวน นางพรชนก ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีเพียงแต่ นายสมชาย ที่ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาเพียงแต่ผู้เดียว
คดีนี้ ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิเคราะห์แล้วให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การเป็นประโยชน์สั่งลดโทษ เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ส่วนนางพรชนก จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้อง และโจทก์ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 รู้ว่านายคาซึโตชิ ทานากะ มีเงินประกันมาก่อน ถึงแม้จะมีข้อพิรุธเรื่องการสั่งไม่ให้คนอื่นบอกว่า นายสมชาย อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จากการสืบพยานก็เป็นหลังจากนายคาซึโตชิ ทานากะ เสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีข้อพิสูจน์ถึงแรงจูงใจในการฆ่าได้ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลยกฟ้องนางพรชนกในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
...
เมื่อถึงเวลาศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยศาลตรวจประชุมสำนวนปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน "ยกฟ้อง" ตามศาลชั้นต้น
สำหรับนางพรชนกปรากฏเป็นข่าวดัง หลังพบว่าเป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายสมชาย ฆ่าหั่นศพ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ อดีตสามีชาวญี่ปุ่น อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และนำชิ้นส่วนศพไปถ่วงน้ำ เหตุเกิดในช่วงปลายปี 2557 ซึ่งคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องต้องกันว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง พิพากษาโทษจำคุกนายสมชายตลอดชีวิต ส่วนนางพรชนกที่กระทำผิดฐานซ่อนเร้นอำพรางศพ และกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินผู้เสียชีวิต ให้รับโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดคือ จำคุกเป็นเวลา 20 ปี และคืนเงินจำนวนกว่า 7 แสน 6 หมื่นบาท ให้ลูกชายผู้เสียชีวิตไป.