ต้นกัญชากว่า 200 ต้น ที่นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าว ที่หลายคนเรียกว่าอาจารย์เดชา หรือหมอพื้นบ้าน ปลูกในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี เพื่อสกัดน้ำมันมารักษาโรค มาหลายสัปดาห์ อันตรธานหายไปเพียงไม่กี่นาที หลังถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ตรวจยึดริบไป

แต่ในวันนี้ ความหวังของอาจารย์เดชา ยังไม่หายไป เพราะยังมีคนไข้ในการดูแลกว่า 5,000 คน

“การทดลองปลูกกัญชา ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อรักษาผู้ป่วย ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้น มาจากการตีความหมายต่างกัน ส่วนตัวอยากเสนอถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพราะติดปัญหาตรงจุดนี้มากมาย ขอให้มองไปถึงอนาคตว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างไร เพราะข้อจำกัดของกฎหมายในปัจจุบันเยอะมาก ขณะที่ผู้ป่วยไม่สามารถรอได้”

คือคำสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่อาจารย์เดชาขอย้ำไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ หลังจากที่ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เมื่อวันที่ 11 เม.ย. หลังจากถูกริบของกลาง ทั้งที่เป็นเมล็ดพันธ์ุ กัญชาบดแห้ง และต้นกล้ากว่า 200 ต้น เมื่อวันที่ 3 เม.ย.

“คนป่วยพยายามรักษาจนหมดหวัง จึงหันมาพึ่งพาน้ำมันกัญชา เพื่อใช้เป็นความหวังสุดท้าย แต่พอผู้ป่วยจะมีความหวัง ก็ไปปิดประตูเขาอีก ควรจะเปิดประตูให้เขา เพราะผู้ป่วยเขาควรจะมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

นี่คือการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของอาจารย์เดชา ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถจ่ายน้ำมันกัญชาให้คนไข้ได้ เพราะต้องรอการขึ้นทะเบียนตำรับยา หลังจากยื่นคำขอไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556

นอกจากความพยายามของอาจารย์เดชาในช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เข้าร่วมทดลองร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อหวังเป็นอีกทางในการนำน้ำมันกัญชา แจกไปยังผู้ป่วย แม้เป็นช่วงที่ยากกว่า เพราะต้องมีการทดลองวิจัยหลายขั้นตอน แต่สิ่งที่ทำได้ก็ควรทำไปก่อน

...

หมอเดชายังเพิ่งได้รับการรับรองเป็นหมอพื้นบ้าน เมื่อวันที่ 24 เม.ย. จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี จนมาถึงช่วงวันที่ 29-30 เม.ย. อาจารย์เดชา เข้าร่วมอบรมเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย กับ กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับสภาการแพทย์แผนไทย

จนเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ความหวังมีมากขึ้น เมื่อกรมการแพทย์แผนไทย ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดว่าน้ำมันกัญชา สูตรของอาจารย์เดชา จะได้รับการรับรองลำดับที่ 17 หรือไม่ โดยพิจารณาจากการตรวจสอบและพิสูจน์ว่า เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมหรือไม่ มีสูตรการปรุงยาอย่างไร ผลิตอย่างไรได้มาซึ่งตำรับอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบว่าจะได้รับรองหรือไ่ม่ จากเดิมกำหนดว่าอาจมีการประกาศเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา

“ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด ตอนนี้การใช้น้ำมันกัญชาใต้ดินอยู่มาก บางที่ก็ไม่ปลอดภัยและแพง คนป่วยก็อยากจะขึ้นมาใช้ของบนดิน เพราะฟรีและมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่ๆ เมื่อมารับแจกพร้อมกันจะเกิดจลาจลแน่นอน จะทำให้การเข้าถึงยากลำบากแน่นอน”

อาจารย์เดชา ในวัย 71 ปี ที่มีบุคคลอันเป็นที่รัก คือคุณแม่ และน้า 4 คน เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับ ในวันนี้ช่วงการรอคอย เพื่อจะช่วยเหลือคนไข้คนอื่นๆ ได้เต็มที่จึงไม่อาจหยุดนิ่ง วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา อาจารย์เดชา พร้อมเครือข่ายภาคประชาชน 10 องค์กร ประกาศจัดกิจกรรม “เดินเพื่อผู้ป่วย กัญชารักษาโรค” จากจังหวัดพิจิตร ถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่าง 21 พ.ค.-9 มิ.ย.62 โดยมีจุดเริ่มต้นที่ วัดป่าวชิรโพธิญาณ จ.พิจิตร ควบคู่กับการขึ้นเวทีเสวนา เพื่อให้ความเข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องเข้าถึงกัญชา

และนี่คือแต่ละก้าวของอาจารย์เดชา และเครือข่ายร่วมอุดมการณ์ ที่ร่วมกันเดิน ท่ามกลางความหวังของผู้ป่วย ที่จะมีโอกาสเข้าถึงการรักษาโรคด้วยกัญชา