สภากาชาดไทยชี้แจงกรณี ผู้ป่วยติดเชื้อ "เอชไอวี" จากเลือดที่รับริจาค เป็นเลือดที่ได้รับบริจาคเมื่อปี 2547 ซึ่งยังตรวจสอบระยะการฟักตัวของเชื้อโรคได้ไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจ และช่วยเหลือ...

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.จารุพร พรหมวงศ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ ไชยวงศ์ หัวหน้าตรวจฝ่ายคัดกรองโลหิต สภากาชาดไทย ชี้แจงกรณีมีผู้ป่วยเชื้อติดเชื้อเอชไอวี จากเลือดรับบริจาคจากสภากาชาดไทย ว่า จากการตรวจสอบพบกรณีดังกล่าว รับบริจาคเลือดเมื่อประมาณ พ.ศ. 2547 สมัยนั้น สภากาชาดไทยมีระบบการคัดกรองแบบตรวจน้ำเหลืองก่อนจะตรวจดีเอ็นเอ และเป็นระบบยังไม่ทันสมัย ทำให้ไม่สามารถแยกแยะหรือ คัดกรองได้ว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมามีระยะการฟักตัวของเชื้อโรคประเภทใดบ้าง แม้เบื้องต้นก่อนการรับบริจาคเจ้าหน้าที่จะตรวจคัดกรอง ทั้งให้กรอกแบบสอบถามสัมภาษณ์เรื่องภาวะการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคร้ายแรงก็ตาม ทำให้ผู้รับบริจาคโลหิตมีโอกาสเสี่ยงที่จะรับเชื้อโรคบางชนิดได้ ทั้งโรคร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ก่อนหน้านี้ เคยมีกรณีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้น สภากาชาดไทยขอแสดงความเสียใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่ทุกกรณี

อย่างไรก็ตาม หลัง พ.ศ. 2547 สภากาชาดไทยใช้ระบบการตรวจคัดกรองทั้งแบบตรวจดีเอ็นเอ ตรวจอาร์เอ็นเอ ตรวจระบบน้ำเหลือง หรือที่เรียกว่า ซีโรโรจี้ ควบคู่กันไปก่อนจะนำเลือดเข้าตรวจห้องปฏิบัติการ ที่มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ของสหรัฐฯ และประเทศในโซนยุโรป ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้รับบริจาค แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บริจาคต้องคัดกรองตัวเองว่าไม่เป็นผู้ติดเชื้อโรคใดๆ ก่อนที่จะมาบริจาค.

ข่าวเกี่ยวข้อง

...