รพ.ดัง เสียใจหนุ่มติดเชื้อเอชไอวี รับเคยรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว เมื่อ 15 ปีก่อน ย้ำเลือดมีมาตรการคัดกรองระดับสากล โอกาสติดเชื้อน้อยมาก ยันจะดูแลรักษาผู้ป่วยรายนี้อย่างดีที่สุด ตามหลักคุณธรรมและมนุษยธรรม


เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ฝ่ายสื่อสารองค์กร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ชี้แจงกรณีผู้ป่วยหนุ่มวัย 24 ปี ติดเชื้อเอชไอวีจากการรับเลือด ซึ่งทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ทำการตรวจสอบแล้ว เป็นผู้ป่วยเคยเข้ารับการรักษาอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อ 15 ปีก่อน ในปี 2547 และเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าวได้ แต่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อแสดงถึงจุดยืนในการให้การรักษาและการเยียวยาแก่ผู้ป่วย ตามหลักมนุษยธรรมที่โรงพยาบาลได้ปฏิบัติตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา

สำหรับข้อปฏิบัติในการให้เลือด ทางโรงพยาบาลมีข้อปฏิบัติในการรับเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อให้การรักษาแก่ผู้ป่วยด้วยเป็นสถาบันที่มีการคัดเลือกและตรวจเลือดผู้บริจาคตามมาตรฐานระดับประเทศ และระดับสากล มีมาตรการคัดกรองผู้บริจาคโลหิตด้วยแบบสอบถามและซักประวัติ พฤติกรรมความเสี่ยง มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธีซีโรโลยี่ ด้วยน้ำยาที่มีความไวสูงสุด และตรวจด้วยวิธี Nucleicacidamplificationtest(NAT) ดังนั้นผลิตภัณฑ์เลือดจะมีความปลอดภัยสูง ผ่านการตรวจคัดกรองการติดเชื้อต่างๆ

รวมถึงการตรวจคัดกรองเชื้อ HIVด้วยในช่วงปี 2547 ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ เข้ารับการรักษา ทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ ได้ใช้เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองเลือดผู้บริจาคที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยเทคนิค NAT ที่สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ มาถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามการตรวจคัดกรองการติดเชื้อในเลือดยังมีข้อจํากัด กรณีท่ีผู้บริจาคเพิ่งได้รับเชื้อเข้ามาใหม่ ซึ่งในเลือดจะมีปริมาณเชื้อไม่มากพอที่จะตรวจพบได้ด้วยวิธีใดๆ (Window period) จึงอาจทําให้ผู้ป่วยได้รับเชื้อเหล่านี้ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นมีน้อยมาก

...

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทางโรงพยาบาลต่างๆ ล้วนมีข้อปฏิบัติในการให้ผู้ป่วยรับทราบถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อ จากการได้รับเลือด ซึ่งรวมถึงเชื้อ HIV ด้วยแล้ว จึงลงนามยินยอมรับการให้เลือด เพื่อการรักษาที่จำเป็น

อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยดังกล่าว และยึดมั่นในการดูแลให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือค่าดูแลค่ารักษาเรื่อง HIV และอาการข้างเคียงอื่นๆ อันเป็นผลจากเชื้อ HIV โดยปรากฏในประวัติย้อนหลังผู้ป่วย ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษาเป็นจำนวนเงินกว่า 7 หลัก รวมการเข้ารักษาทั้ง หมดจนถึงปัจจุบัน 266 ครั้ง ตามหลักการบริบาลด้วยความเอื้ออาทรแก่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลยึดมั่นมาตลอดกว่า 38 ปี ของการดำเนินงาน

ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีความเห็นใจต่อตัวผู้ป่วย ตลอดจนครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว และขอถือโอกาสนี้ยืนยันที่จะให้การดูแลรักษาผู้ป่วยรายนี้เป็นอย่างดีที่สุดต่อไป รวมถึงการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล ตามหลักคุณธรรมและมนุษยธรรมอย่างเหมาะสมต่อไป.