ณพแจงรอ ตร.สรุป
เผยผลตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ “เกษม ณรงค์เดช” จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเอกสารสำคัญที่ใช้ในการโอนย้าย ถ่ายเทหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยีโฮลดิ้งฯ” ออกจากกลุ่มเคพีเอ็นฯ ของตระกูล “ณรงค์เดช” ออกไปยังต่างประเทศที่เป็นของคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา เป็นลายเซ็นปลอม โดยกองพิสูจน์หลักฐานให้ความเห็นว่าลายมือชื่อนายเกษม ณรงค์เดช ในเอกสารที่เป็นปัญหา กับตัวอย่างลายมือชื่อ นายเกษมที่เขียนต่อหน้าพนักงานสอบสวนและที่เคยเขียนไว้เดิม ไม่ใช่ลายมือของบุคคลเดียวกัน
เป็นข่าวฮือฮาในสังคมไฮโซอีกครั้ง คดี “ศึกสายเลือดตระกูลณรงค์เดช” ที่นายเกษม ณรงค์เดช ฟ้องลูกชายคนกลาง “ณพ ณรงค์เดช” กับแม่ยาย คือ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยาของพลตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ มารดาภรรยาของนายณพ ณรงค์เดช และนายสุรัตน์ จิรจรัสพร เรื่องปลอมลายเซ็นโอนหุ้นบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่นายเกษม ยืนยันว่าจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดที่ปลอมลายมือชื่อนายเกษมอย่างถึงที่สุดนั้น
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของนายเกษม ณรงค์เดช ที่ลงในเอกสารสำคัญในการมอบอำนาจและการโอนหุ้น รวมทั้งการซื้อขายหุ้นที่เกี่ยวกับหุ้นของบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยีโฮลดิ้ง ที่นายเกษมนำเอกสารดังกล่าวมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม กลับมาที่ สน.ทองหล่อ ที่นายเกษมไปแจ้งความร้องทุกข์ และ สน.ทองหล่อได้ส่งเอกสารที่มีปัญหาไปพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมีความเห็นกลับมาว่าลายมือชื่อนายเกษม ณรงค์เดช ในเอกสารที่เป็นปัญหา กับตัวอย่างลายมือชื่อของนายเกษมที่ได้เขียนต่อหน้าพนักงานสอบสวนและที่เคยเขียนไว้เดิมนั้น ไม่ใช่ลายมือของบุคคลคนเดียวกัน โดย สน.ทองหล่อทำหนังสือลงวันที่ 11 ก.พ.2562 แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวให้กับนายเกษม ตามที่นายเกษมร้องขอ แต่ยังไม่สามารถคัดสำเนาเอกสารตัวจริงให้ได้ เนื่องจากผลการพิสูจน์ลายมือชื่อเป็นเอกสารในสำนวนคดีอาญาที่อยู่ระหว่างการสอบสวน
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่นายเกษมนำมา ให้ตำรวจ สน.ทองหล่อ ส่งพิสูจน์และแจ้งข้อหาให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารสิทธิปลอม ประกอบด้วย 1.สำเนาสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ระหว่างคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา กับนายเกษม ลงวันที่ 25 เม.ย.2559 2.ตราสารการโอนหุ้น (Instrument of transfer) 3.ใบซื้อขายหุ้น (Bought and Sold notes) 4.สัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยีโฮลดิ้ง ระหว่างบริษัทเคพีเอ็น เอนเนอร์ยีฯ (ประเทศไทย) จำกัด กับนายเกษม ลงวันที่ 25 เม.ย.2559 5.คำประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นทรัสต์ (Declaration of Trust) ฉบับลงวันที่ 10 ส.ค.60 และ 6.จดหมายฉบับลงวันที่ 5 มี.ค.2561 ที่อ้างว่าเป็นจดหมายของนายเกษมถึงบริษัทพรีเมียร์ ฟิดูชิอารี่ ลิมิเต็ด เลขานุการบริษัท โกลเด้นมิวสิคฯ เพื่อให้บริษัทพรีเมียร์ ฟิดูชิอารี่ ลิมิเต็ด ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
ขณะที่นายกรณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนเล็กของนายเกษม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ออกหมายเรียกคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ให้มารับทราบข้อกล่าวหาฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมตามที่คุณพ่อได้ร้องทุกข์ไปนั้น ล่าสุดกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานราชการและเป็นหน่วยงานกลาง ได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของคุณพ่อคือนายเกษม ในเอกสารที่คุณหญิงกอแก้ว ใช้โอนหุ้นในโฮลดิ้ง คอมพานี ที่ถือหุ้นบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จากนายเกษมไปยังคุณหญิงกอแก้ว พบว่าเป็นการปลอมลายมือชื่อนายเกษมทั้งหมด
นายกรณ์กล่าวอีกว่า รวมทั้งสัญญาแต่งตั้งตัวแทนของนายเกษมให้กับคุณหญิงกอแก้ว และเอกสารการโอนหุ้นของบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้งฯ จากบริษัทเคพีเอ็น เอนเนอร์ยีฯ (ประเทศไทย) จำกัด ไปยังนายเกษมในทอดแรกด้วย นั่นหมายความว่า นิติกรรมการโอนหุ้นทั้งหมดที่ผ่านมาตกเป็นโมฆะ และหุ้นที่ได้มีการขายไป โดยอาศัยเอกสารปลอมจากเดิมที่บริษัทเคพีเอ็น เอนเนอร์ยีฯ (ประเทศไทย) จำกัด เคยถืออยู่ประมาณ 60% จนเหลือเพียง 38% นั้น อาจเข้าข่ายเป็นโมฆะและต้องถูกเพิก ถอนทั้งหมด โดยหุ้นทั้งหมดต้องกลับมาเป็นของบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยีฯ (ประเทศไทย) จำกัด ตามเดิม ที่ผ่านมา ทางครอบครัวไม่ได้ร่วมรับรู้ หรือเห็นชอบ กับการกระทำของนายณพเลย และนายณพก็บิดเบือนปิดบังไม่บอกความจริงกับครอบครัวหลายอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากนายเกษม ณรงค์เดช ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ให้ดำเนินคดีกับนายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลางของตนเอง และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา แม่ยาย หรือแม่ภรรยาของนายณพ ในฐานความผิดปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามคดีอาญาเลขที่ 9/2562 หลังพบว่ามีการปลอมสัญญา แต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่า ได้ทำขึ้นระหว่าง คุณหญิงกอแก้วกับนายเกษม ลงวันที่วันที่ 25 เม.ย.59 โดยมีนายณพลงนามเป็นพยาน และเอกสารการทำนิติกรรมอื่นๆอีกหลายรายการ จนกลายเป็นศึกสายเลือดที่สร้างความสั่นสะเทือนวงการและคนในตระกูลณรงค์เดช ที่ถือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจและผู้คนในสังคม เมื่อผู้เป็นพ่อคือ “เกษม ณรงค์เดช” ต้องลุกขึ้นมาฟ้องคดีอาญาลูกชายคนโปรด
โดยปมเหตุจุดเริ่มต้นของศึกษาสายเลือดที่พี่น้องคือนายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชายคนโตและนายกรณ์ ณรงค์เดช น้องชายคนเล็ก พร้อมผู้เป็นพ่อคือนายเกษม ต้องประกาศตัดสัมพันธ์กับนายณพ ณรงค์เดช มาจากเมื่อปี 2558 นายณพได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ จากนายนพพร ศุภพิพัฒน์ นักธุรกิจที่หนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยใช้เงินและการจัดหาเงินทุนของครอบครัวณรงค์เดช
...
แต่ต่อมาต้นปี 2561 นายเกษมและนายกฤษณ์รวมทั้งนายณพ กลับถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง ที่มีการกล่าวหาว่ามีการผิดสัญญาซื้อขายหุ้น และไม่ชำระเงินค่าหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯให้กับเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นเดิม จนกลายเป็นคดีความฟ้องร้องกันอีนุงตุงนัง ทั้งศาลในประเทศและต่างประเทศก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นและครอบครัวณรงค์เดชและนายเกษมได้พบว่า มีการยักย้ายจำหน่ายจ่ายโอนหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯจากที่ถืออยู่ในนามบริษัทเคพีเอ็น เอนเนอร์ยีฯ ของครอบครัวณรงค์เดชออกไปยังที่ต่างๆ สุดท้ายปลายทางไปอยู่ในบริษัทในต่างประเทศที่มีคุณหญิงกอแก้ว แม่ยายของนายณพเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่นั่นเอง จนทำให้ปลายปีที่แล้ว ครอบครัวณรงค์เดชต้องออกแถลงการณ์ประกาศตัดขาดและไม่ร่วมรู้เห็นรับผิดชอบกับการดำเนินการใดๆของนายณพ ที่มีการอ้างธุรกิจของครอบครัวไปดำเนินการ และบานปลายจนนำมาสู่การฟ้องร้องคดีอาญากันในที่สุด
ด้านนายณพ ณรงค์เดช ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กับผู้สื่อข่าว เมื่อเวลา 18.48 น. วันที่ 19 ก.พ.ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในคดีของตำรวจ ตนไม่มีความเห็นใดๆทั้งสิ้น เพราะคดียังอยู่ในกระบวนการ ในฐานะที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาตนยังไม่ทราบข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นเลย ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย