ทีมชาติไทยจัดทัพใหญ่เต็มสูบ โดยได้ 2 นักเตะซุปเปอร์สตาร์ที่ค้าแข้งในเจลีกญี่ปุ่นอย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ไซส์เอส และ “เดอะ มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าตัวเก๋าคัมแบ็กกลับมาช่วยทีม ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงค่าพลังของนักเตะคนดังที่ฟังดูแล้วไม่ธรรมดา!
ค่าตัว เมสซีเจ
“เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ไซส์เอสที่ไปสร้างผลงานระเบิดระเบ้อกับสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร ช่วยทีมคว้าอันดับ 4 เจลีก โดยในช่วงที่ผ่านมา ชนาธิป สรงกระสินธ์ อยู่กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ตั้งแต่กลางปี 2560 รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 5.4 ล้านบาทต่อปี ตกเดือนละ 450,000 บาท
นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร ปี 2018 จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีม และยังเป็นสุดยอดแข้งจากการโหวตของแฟนบอลสโมสร ทำให้รับเงินไป 1 ล้านเยน หรือราว 3 แสนบาท
...
เมื่อมีเรื่องน่ายินดีนี้เกิดขึ้น ก็มีกระแสข่าวตามมาในทันทีว่า ทางสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร ตั้งค่าตัวของเขาไว้ที่ 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 200 ล้านบาทไทย ซึ่งล่าสุด “ชนาธิป” ชี้แจงแบบทีเล่นทีจริงว่า “ค่าตัวของผมไม่ถึงหรอกครับ 200 ล้านบาท ขอแค่ 20 ล้านบาทก็พอ และตอนนี้ตนก็ไม่ได้คาดหวังถึงการได้เป็น 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของเจลีกด้วย จริงๆ แล้วที่ผ่านมาตนก็ต้องพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในทุกๆ นัดที่ลงสนามอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลล่าสุด พบว่า ชนาธิป รับค่าจ้างจากคอนซาโดเล ซัปโปโร ตกเดือนละ 650,000 บาท หรือปีละ 7.8 ล้านบาทเลยทีเดียว
ค่าตัว ธีรศิลป์ แดงดา
“เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมชาติไทย วัย 30 ปี นักเตะไทยคนแรกที่ยิงได้ในลีกสูงสุดประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับทำไป 7 ประตู 3 แอสซิสต์ จากการลงสนามทุกรายการ 37 นัด
ในช่วงที่ ธีรศิลป์ ย้ายจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาอยู่กับซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล (ล่าสุด กลับมาแล้ว) ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นไทยที่รับค่าเหนื่อยสูงสุด ณ เวลานั้น ทันทีที่ 9 ล้านบาทต่อปี หรือตกเดือนละ 750,000 บาท
เด็กสมัยนี้หัวไม่ดี เรียนไม่เก่ง ไม่เป็นไร
แต่ทำอย่างไรให้ลูกเจอพรสวรรค์ที่ซ่อนไว้ให้เจอนั้น
สำคัญกว่า!.