ประชุม มส.เดือด กรรมการทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต ตั้งคำถาม “พงศ์พร” ถึงความรับผิดชอบ กรณีเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีข้อหาทุจริตเงินทอนวัดกับพระผู้ใหญ่ 5 รูป ทำให้พุทธศาสนาเสียหาย ติงทำไมไม่สอบถามกันก่อน ทั้งที่เจอกันในที่ประชุมมส.ตลอด สั่ง “ผอ.พศ.” เปิดแถลงข่าวชี้แจง ยันทำตามหน้าที่หลังตำรวจ ปปป.ส่งหนังสือให้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ช่วยลดกระแสอ้างรัฐธรรมนูญพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา จนกว่าจะมีคำตัดสินถึงที่สุด “บิ๊กแป๊ะ” ฮึ่ม หลังกระแสข่าวพระและลูกศิษย์จะเคลื่อนไหว ยันตำรวจปปป.ทำตามกฎหมาย ไม่หนักใจการดำเนินคดีพระไม่ดี เคยทำมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่

กรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลุยตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัด พบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภทคือ 1.เงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี ความเสียหายกว่า 141 ล้านบาท มีผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิดหลายระดับ รวมทั้งอดีต ผอ.พศ. เจ้าหน้าที่ พศ. และพระหลายรูป ล่าสุด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ บก.ปปป.ดำเนินคดีพระชั้น ผู้ใหญ่อีก 5 รูป กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม และจะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดพระผู้ใหญ่อีก 7 วัด แต่มีข่าวรั่วออกมาเสียก่อน ผอ.พศ.จึงขอเลื่อนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไม่มีกำหนด ท่ามกลางกระแสข่าวความไม่พอใจของคณะสงฆ์และลูกศิษย์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 20 เม.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีพระชั้นผู้ใหญ่ที่อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว เป็นไปตามที่ บก.ปปป.สอบสวน ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องในสำนวนที่ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ส่วนที่ มีกระแสข่าวกลุ่มพระออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น เราบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว กฎหมายไม่ได้ห้ามจับพระที่กระทำผิด ส่วนตัวไม่ได้กังวล ไม่หนักใจการจะดำเนินคดีกับพระที่ไม่ดี ขอสังคมอย่าไปตื่นเต้นตกใจว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับพระแล้วเป็นเรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยทำคดีเกี่ยวกับพระมาก่อนแล้ว

...

ที่วัดสามพระยา วันเดียวกัน มีประชุมเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดในเขตกรุงเทพฯ ตามกำหนดการ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะต้องมาบรรยายพิเศษเวลา 09.00 น. เมื่อถึงเวลากลับเป็นนายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมมาบรรยายแทน หลังบรรยายเสร็จ นายสิปป์บวรให้สัมภาษณ์ว่า พ.ต.ท.พงศ์พรติดราชการคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) จึงมอบตนมาบรรยายแทน อย่างไรก็ตามช่วงเวลา 14.00 น. หาก พ.ต.ท.พงศ์พรไม่ติดราชการ จะเข้าร่วมประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ตามปกติ

ต่อมาที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นที่จับตาว่า 3 กรรมการ มส. ที่ถูกกล่าวหาคดีเงินทอนวัด และ พ.ต.ท.พงศ์พรผู้กล่าวหา จะเข้าร่วมประชุม มส.หรือไม่ เมื่อใกล้ถึงเวลาประชุมเวลา 14.00 น. ปรากฏว่าทั้งพระพรหมดิลก วัดสามพระยาวรวิหาร (วัดบางขุนพรหม) พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร รวมทั้ง พ.ต.ท.พงศ์พร เดินทางเข้าร่วมประชุม มส.ตามปกติ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รออยู่จำนวนมาก

สำหรับการประชุม มส. ครั้งนี้ คณะกรรมการ มส. เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 16 รูป ประกอบด้วย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ทรงเป็นประธาน การประชุม สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรหาร สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระพรหม-ดิลก วัดสามพระยาวรวิหาร (วัดบางขุนพรหม) พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร พระพรหมมุนี วัดราชบพิธ-สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระพรหมเมธาจารย์ วัดบุรณศิริมาตยาราม พระพรหมบัณฑิต วัดประยุร-วงศาวาสวรวิหาร พระพรหมโมลี วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระธรรม-บัณฑิต วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก และพระธรรม-ธัชมุนี วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร

หลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง พ.ต.ท.พงศ์พร ออกมาส่งกรรมการ มส.ทุกรูปขึ้นรถ ทั้งยังได้รับพรจากพระพรหมเมธีด้วย จากนั้น พ.ต.ท.พงศ์พร แถลงเปิดข่าวว่า มส. มีมติให้ตนออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจ แต่จะไม่ตอบ คำถามใดๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย คือ ตำรวจปปป. และ ป.ป.ช. ถ้าอยากได้ข้อมูลให้ไปสอบถามทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าว การกล่าวหาเป็นการกล่าวหาตามมูลหรือหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปแจ้งความ มิได้กระทำในลักษณะที่มีอคติ แต่เป็นหน้าที่จะต้องไปกระทำ และกระทำแล้วมิได้ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่หรือพระสงฆ์เป็นผู้กระทำผิด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวน ในขั้นตอนนี้ถ้าไปที่ ป.ป.ช.เรียกว่าการไต่สวนและวินิจฉัย ซึ่ง ป.ป.ช.ยังมิได้เริ่มเลย จึงยังไม่มีพยานหลักฐานครบถ้วนที่จะพิสูจน์ได้ว่าใครผิดใครถูก ขณะนี้ยังไม่มีผู้กระทำผิด รัฐธรรมนูญระบุไว้แล้วว่าบุคคลได้รับการสันนิษฐานว่ายังบริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุดว่ากระทำความผิด ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 7 วัดจะแจ้งความวัดไหน พ.ต.ท.พงศ์พรตอบเพียงว่า ครับ แล้วเดินออกจากห้องแถลงข่าวทันที

ทั้งนี้ มีรายงานว่า การแถลงข่าวของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ.หลังการประชุม มส.ครั้งนี้ นับเป็นการแถลงข่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ต.ท.พงศ์พรได้รับคำสั่งให้กลับมาดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. เมื่อปลายเดือน ก.ย.2560 เหตุที่ พ.ต.ท.พงศ์พร ต้องออกมาแถลงข่าวชี้แจงกรณีเงินทอนวัดที่มีการกล่าวหา 5 พระเถระ ซึ่ง 3 ใน 5 รูป เป็นกรรมการ มส. ด้วยนั้น เนื่องจากระหว่างการประชุม มส.ที่มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานประชุมกรรมการ มส. แต่ละรูปทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต สอบถามถึงความรับผิดชอบของ พ.ต.ท.พงศ์พร ต่อความเสียหายในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้น เพราะคณะสงฆ์ช่วยกันรักษาความมั่นคงในพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.พงศ์พรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร และกรรมการ มส.ยังสอบถาม พ.ต.ท.พงศ์พรด้วยว่า ทำไมถึงไม่มาสอบถามที่มาที่ไปกันก่อน ทั้งๆที่เข้าประชุม มส.ด้วยกันอยู่แล้ว

...