เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การประปานครหลวงได้เตรียมการตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการมอบให้แต่ละรัฐวิสาหกิจในสังกัดเตรียมความพร้อมสำหรับประชาคมอาเซียน โดยตั้งเป้าจะให้บริการงานประปาในระดับแนวหน้าสุดของกลุ่มประเทศอาเซียน
ทั้งนี้ กปน.มั่นใจที่จะนำพาองค์กรให้เป็นผู้นำด้านน้ำจากนานาประเทศได้ แต่ก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้น เรามาดูเพื่อนบ้านที่เราต้องการเทียบเคียงอย่างสิงคโปร์ดูบ้าง
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศสิงคโปร์เป็นผู้นำในด้านการบริหารจัดการด้านน้ำ แม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะมีจุดอ่อนในแง่ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด สิ่งที่เราควรนำมาพิจารณาเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี คือ วิธีการบริหารจัดการน้ำที่ทำให้สิงคโปร์ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่า เป็นประเทศผู้นำด้านน้ำในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
สิงคโปร์ตั้งคณะกรรมการบริหารงานด้านน้ำ ใช้ชื่อว่า Public Utility Board (PUB) ซึ่งดูแลบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างบูรณาการ แม้ว่าน้ำเป็นทรัพยากรที่หายากแต่สิงคโปร์สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน เพราะน้ำถือเป็นมิติด้านความมั่นคงของชาติ ประกอบด้วยแหล่งน้ำหลัก 4 แห่ง (The four taps) ได้แก่ น้ำฝน น้ำจากอ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้น
นอกจากนี้ สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตน้ำ โดยเปลี่ยนน้ำเสียหรือน้ำใช้แล้วให้กลายเป็นน้ำกลับมาใช้ใหม่ที่มีคุณภาพสูง เป็นแบบอย่างการแก้ปัญหาให้ประเทศอื่นๆที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
ปัจจุบันสิงคโปร์มีโรงงานรีไซเคิลน้ำ โดยน้ำที่ผลิตได้ซึ่งใช้ชื่อว่า NEWater จะถูกนำไปผสมกับน้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ ก่อนส่งผ่านระบบประปาไปยังผู้บริโภค โดยผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยจนได้น้ำที่มีคุณภาพสูง โรงแยกเกลือออกจากน้ำทะเล ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งสามารถผลิตน้ำประปาจากทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มด้วยเทคโนโลยีเมมเบรน นอกจากนี้ เขื่อนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองยังสามารถผลิตน้ำเพื่อสนองการบริโภคได้อีกด้วย และส่วนสุดท้ายน้ำที่นำเข้าจากมาเลเซีย
...
เนื่องจากประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะ น้ำจืดจึงมีจำกัด ต้องเผชิญปัญหาขาดแคลน และพึ่งพาการนำเข้าน้ำจืดจากมาเลเซียมานานหลายสิบปี รัฐบาลจึงมุ่งมั่นพัฒนาระบบประปาให้ทันสมัยและเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้สามารถพึ่งพาทรัพยากรน้ำของตนเองได้
ก่อนที่ข้อตกลงสั่งซื้อน้ำจากมาเลเซียฉบับล่าสุดจะหมดอายุลงในปี 2061 ดังนั้นการรีไซเคิลน้ำจึงเป็นทางเลือกที่จำเป็นสำหรับสิงคโปร์ โรงงานผลิตน้ำ Newater และโรงงานผลิตน้ำจากน้ำทะเล เป็นความสำเร็จจากการมุ่งมั่นวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง ทำให้สิงคโปร์สามารถมีน้ำไว้ใช้ได้อย่างพอเพียงด้วยตัวเอง โดยน้ำที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล หรือ NEWater นั้นจะใช้ในวงการอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งน้ำในส่วนนี้คาดว่าจะสามารถผลิตได้มากขึ้น จนรองรับความต้องการในประเทศได้ก่อนปี 2061
ความสำเร็จดังกล่าวนี้ประชาชนก็มีส่วนร่วม โดยประชาชนสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติยอมรับน้ำที่ผ่านการใช้แล้ว นอกจากนั้นการใช้แหล่งเก็บน้ำเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นศูนย์รวมชุมชน ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของทรัพยากรน้ำ เกิดตระหนักในคุณค่าของน้ำ
ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ยังใช้กลไกราคาส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดน้ำ โดยโครงสร้างค่าน้ำประกอบด้วย ค่าน้ำ ค่าภาษีอนุรักษ์น้ำ ค่าบำบัดน้ำเสีย และค่าธรรมเนียมสุขภัณฑ์ ทั้งนี้ รายได้ค่าน้ำยังนำมาใช้ในการวิจัยและพัฒนาวิธีการใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการผลิตและสูบจ่ายน้ำประปา และก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติมให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำในอนาคต
น้ำประปาของสิงคโปร์สามารถดื่มได้โดยตรงจากก๊อก มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่น้ำดิบจนถึงน้ำประปาในระบบจ่ายน้ำ ในแต่ละเดือนมีการวิเคราะห์คุณภาพน้ำมากกว่า 80,000 ครั้ง และวิเคราะห์สารเคมีในน้ำมากกว่า 290 รายการ ซึ่งมากกว่าที่ WHO กำหนดไว้ถึง 130 รายการ การจัดการด้านคุณภาพน้ำของ PUB ได้รับการทบทวนปีละ 2 ครั้ง
การเตรียมพร้อมให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง เป็นเหตุผลสำคัญว่า ทำไมเราถึงจะต้องจับตามองประเทศสิงคโปร์ เพื่อศึกษาพิจารณาถึงจุดเด่นจุดด้อย เพราะสิ่งเหล่านั้นจะเป็นคำตอบที่ทำให้ชาว กปน.ต้องเรียนรู้ประเทศอาเซียนที่ประกอบกิจการประปาเช่นเดียวกับเรามากขึ้น เพื่อวางแผนเตรียมความพร้อม และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้.