ตร.แถลง “หมอหยอง-สารวัตรเอี๊ยด” พร้อมเครือข่าย โดนอ่วม 13 คดี ทั้งแอบอ้าง สถาบันฯ เรียกรับผลประโยชน์จากเอกชน รายละ 1 แสนบาทถึง 4.7 ล้านบาท ไม่เว้นแม้แต่การขอโทรศัพท์ เลขสวยจาก กสทช. ครอบครองอาวุธปืน และตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคมทั้งที่พักลาเมซอง และใบหยก 2 ด้าน ผบ.ตร.ระบุผู้ต้องหาได้ยักยอกทรัพย์สินของกลางมาจากคดี “พงศ์พัฒน์” ยัน “ประวุฒิ” ยังอยู่ในราชการ และยังไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องคดีนี้ ส่วนศรีวราห์ระบุ มีบุคคลอื่นเกี่ยวอีก อยู่ระหว่างรอศาลอนุมัติหมายจับ ลั่นหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมด เช่นเดียวกับฐิติราช หนองหารพิทักษ์ บิ๊ก บช.ก.ระบุ สารวัตรเอี๊ยดเป็นบิ๊กบราเธอร์ 8 ตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.ที่ถูกย้ายช่วยราชการ ศปก.บช.ก.ไปก่อนหน้า ด้านสามารถเทลคอม โร่แจงข้อเท็จจริง โดนลากเข้ามาพันคดี ผลหุ้นร่วงทันทีหลังตำรวจแถลง
กรณีการจับกุมผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปหาผลประโยชน์ ประกอบด้วยนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท ชัตเตอร์มหาเทพ โดยทั้งหมดถูกนำไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี (พัน.ร.มทบ.11) ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ใช้เสื้อนักโทษผูกคอเสียชีวิต ครอบครัวรับศพไปทำพิธีทางศาสนาและไม่ติดใจสาเหตุการตาย ขณะที่มีข่าวลือสะพัดว่ามีนายพลตำรวจระดับสูงร่วมเกี่ยวพันในคดีนี้ พร้อมๆกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สะบัดปากกาโละทีมโฆษก ตร.จาก พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) มาเป็น พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) โดยชี้แจงเหตุผลการเปลี่ยนตัวโฆษก ตร.ว่าเป็นการเปลี่ยนตัวตามวาระ เหมือนนักกีฬาที่ต้องเปลี่ยนตัวมาให้พักบ้าง ทั้งนี้ จะมีการแถลงรายละเอียดของคดีนี้ในวันที่ 28 ต.ค. ขณะที่ พล.ต.อ.ประวุฒิ อยู่ระหว่างการลาพักร้อนเดินทางไปต่างประเทศ
...

จักรทิพย์ นำทีมแถลงใหญ่
โดยความคืบหน้าคดีแอบอ้างเบื้องสูงที่คนทั้งประเทศรอการแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นครั้งแรก โดยเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 ต.ค.ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ร่วมกันแถลงข่าวคดีจับกุม พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขานายสุริยัน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตราประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมของกลางหลายรายการ

โชว์ของกลางปืน วิทยุ อื้อซ่า
โดยของกลางส่วนหนึ่งที่นำมาแสดงในการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ประกอบด้วย กีต้าร์ของสะสม 2 ตัว พระเครื่องจำนวนมาก รถยนต์และ จยย.19 คัน และของกลางที่ยึดได้จากบ้านพัก พ.ต.ต.ปรากรม ประกอบด้วยปืนสงคราม 25 กระบอก เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว วิทยุติดรถยนต์ 6 เครื่อง วิทยุสื่อสาร 16 เครื่อง เครื่องส่งวิทยุ 2 ตัว กระเป๋าเป้ลายพราง 3 ใบ และรถยนต์ 3 คัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตแคนาดา
เริ่มจาก คสช.ตรวจสอบพบก่อน
พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ตรวจพบว่า มีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำความผิดโดยมีพฤติการณ์แอบอ้าง หรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจผิด ว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน และความเสียหายอื่นๆในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ จากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง ได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดดังกล่าว
จับ “เอี๊ยด–หยอง–อาท” อ้างเบื้องสูง
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ต่อมาตนได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้างานสอบสวน และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เป็นหัวหน้างานสืบสวน กับพวก ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้ร่วมกระทำความผิดที่พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว มีผู้ต้องหาประกอบด้วย พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด สว.กก.1บก.ปอท.นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอ หยอง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขานายสุริยัน
...
ยังไม่พบประวุฒิเกี่ยวคดี
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการอย่างไรที่จะไม่ให้บุคคลทั่วไปมาแอบอ้างเบื้องสูงอีก พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะคดีที่แล้วกับครั้งนี้คลายคลึงกัน ดังนั้นใครที่ไปแอบอ้างเชื่อว่าไม่รอดพ้นกฎหมาย คดีนี้เกี่ยวข้องกับคดีที่แล้ว ด้วยของกลางบางส่วนเป็นของท่านพงศ์พัฒน์ ซึ่งได้รับการยืนยันแล้ว เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบอะไร แต่ถ้าพบว่าใครเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนที่มีการลาไปต่างประเทศ เป็นสิทธิ์ที่สามารถลาได้อยู่แล้ว
เจออ่วม 13 คดี แก๊งหมิ่นเบื้องสูง
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 หนึ่งในทีมงานสอบสวนกล่าวว่า สำหรับรายละเอียดที่พนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ดำเนินคดีจนถึงปัจจุบันนี้ มีทั้งสิ้น 13 คดี ประกอบด้วย คดีที่ 1 คดีอาญาที่ 96/58 ปจว.ข้อ 4 เวลา 17.00 น.วันที่ 16 ต.ค.ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือนาย สุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิด เหตุ บ้านเลขที่ 99 หมู่ 17 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นบริษัทเอกชน พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.และวันที่ 3 ก.ย.ร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์ นำการ์ดขอบคุณไปมอบให้กับบริษัทเอกชน
มีปืน-ตั้งสถานีวิทยุเถื่อนในคอนโด
คดีที่ 2 คดีอาญาที่ 97/58 ปจว.ข้อ 6 เวลา 18.00 น. วันที่ 19 ต.ค.ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี พ.ต.ท.สหภูมิ สง่าเมือง และ พ.ต.ต.นฤทธิ์ ผูกจิตร ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง ตั้งสถานีและมีใช้วิทยุโทรคมนาคมไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารปลอม สถานที่เกิดเหตุ คอนโดลาเมซอง แขวงจอมพล เขตจตุจักร พฤติการณ์ทางคดี เมื่อวันที่ 16 ต.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตรวจค้นคอนโดดังกล่าว พบอาวุธปืน รถยนต์ วิทยุ ที่ผิดกฎหมาย
...
ตั้งเสาวิทยุชั้น 84 ใบหยก 2
คดีที่ 3 คดีอาญาที่ 99/58 ปจว.ข้อ 3 เวลา 14.00 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ แก้วนาค ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม และบริษัทสามารถ เทเลคอม กับพวก ข้อหามีและตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต สถานที่เกิดเหตุ อาคารใบหยก 2 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ได้มีการตรวจพบเครื่องรับส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น QUANTAR ของ พ.ต.ต.ปรากรม ติดตั้งอยู่บนชั้นที่ 84 ของอาคารใบหยก 2
พบปืนในรถตู้กระสุนอีกเพียบ
คดีที่ 4 คดีที่ 100/58 ปจว.ข้อ 4 เวลา 15.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม ข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในความครอบครอง สถานที่เกิดเหตุกองปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร พฤติการณ์เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ได้ตรวจค้นรถโตโยต้า เวนจูรี่ ที่ตรวจยึดมาจากคอนโดลาเมซอง พบปืน เฮชเค 53 จำนวน 1 กระบอกพร้อมกระสุน 80 นัด
ลูกน้องเอี๊ยดโดนแจ้งคดีอาวุธปืน
คดีที่ 5 คดีอาญาที่ 101/58 ปจว.ข้อ 6 เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงชาตรี ผู้ต้องหาคือ นายศุกร์โข ตามเสรี หรือเค เครือข่ายสารวัตรเอี๊ยด ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง เหตุเกิดที่แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม พฤติการณ์เมื่อวันที่ 23 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นพบปืน .38 ที่บ้านพักของผู้ต้องหาดังกล่าว
แอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับเงิน
คดีที่ 6 คดีอาญาที่ 102/58 ปจว.ข้อ 7 เวลา 16.30 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่กองปราบปรามผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 89/364 หมู่ 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกและรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน คดีที่ 7 คดีอาญาที่ 103/58 ปจว.ข้อ 8 เวลา 10.00 น.วันที่ 27 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุคือบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ เมื่อเดือน มิ.ย.58 ผู้ต้องหากับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์ จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงิน 3 แสนบาท
...
เหยื่อ บ.เอกชนในกรุงเทพฯ
คดีที่ 8 คดีอาญาที่ 104/58 ปจว.ข้อ 9 เวลา 10.30 น.วันที่ 27 ต.ค. ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือนายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พฤติการณ์คือ เมื่อเดือน มิ.ย.ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท
อยุธยาและปากน้ำก็โดนด้วย
คดีที่ 9 คดีอาญาที่ 105/58 ปจว.ข้อ 10 เวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาคือร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนในพื้นที่ของจังหวัดอยุธยา พฤติการณ์เมื่อเดือน มิ.ย. ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท คดีที่ 10 คดีอาญาที่ 106/58 ปจว.ข้อที่ 11 เวลา 18.30 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ พฤติการณ์ เมื่อเดือน มิ.ย.ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงิน 3 แสนบาท
ได้เงินสูงสุดยอด 4.7 ล้านบาท
คดีที่ 11 คดีอาญาที่ 107/2558 ปจว.ข้อ 12 เวลา 19.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือนายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุบริษัทเอกชนจังหวัดสมุทรปราการ พฤติการณ์เมื่อเดือน มิ.ย.ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงิน 2 แสนบาท คดีที่ 12 คดีอาญาที่ 108/58 ปจว.ข้อที่ 13 เวลา 19.30 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม กับพวกข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร พฤติการณ์เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ถึงวันที่ 18 ต.ค.ผู้ต้องหากับพวกบังอาจแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงิน 4 ล้าน 7 แสนบาท
อ้างเบื้องสูงขอเบอร์สวยจาก กสทช.
คดีสุดท้ายคดีที่ 13 คดีอาญาที่ 109/58 ปจว.ข้อที่ 14 เวลา 20.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหา พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุสำนักงาน กสทช. แขวงสามเสนใน เขตพญาไท พฤติการณ์ในทางคดีระหว่างเดือน ก.ย.ถึงเดือน ต.ค.ผู้ต้องหากับพวกได้บังอาจแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.
ศรีวราห์ลั่นผิดถึงใครต้องจับ
จากนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ หัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีนี้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ไปช่วยราชการที่ศปก.บช.ก. 8 นายจะเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่นั้น ยังต้องรอผลการสอบสวน ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือพาดพิงก็ต้องออกจากราชการ ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่ออนุมัติต่อศาล ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้จนกว่าจะมีการออกหมายจับ จะเป็นใครต้องรอดู ส่วนบริษัทเอกชนที่ถูกอ้างถึงเป็นเรื่องในสำนวนส่วนของกลางของท่านพงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. มีการเอาไปก่อนที่ทหารจะเข้าไปยึด มีการแยกออกไปก่อน ส่วนจะมีใครร่วมกันอีกหรือไม่ ต้องรอสอบสวนต่อไป เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าพนักงานแล้วเข้าไปเอาได้อย่างไร ดังนั้น ต้องมีคนร่วมขบวนการ แต่จะเป็นใครแค่ไหนที่เข้าไปร่วมยังต้องสอบสวนต่อไป ผิดถึงใครก็ต้องจับคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหน เพียงแต่ต้องมีความชัดเจน การจะไปพูดพาดพิงถึงใครคงไม่ได้ ทางกองทัพเป็นผู้ร้องทุกข์ในเรื่องนี้ และยังไม่ยอมไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆทั้งสิ้น
ติงสื่อคดี ม.112 ถามไม่ดีระวังผิด
รรท.รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนรายละเอียดเรื่องรถยนต์ คงต้องพูดในภาพรวมๆ เนื่องจากบางครั้งก็เป็นป้ายทะเบียนปลอม บางคันเป็นการแจ้งยักยอกมา บางคันก็ไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน ส่วนบางคันที่เกี่ยวข้องกับทางสถานทูตแคนาดา เข้าใจว่าจะเป็นป้ายทะเบียนปลอม ส่วนเรื่องอาวุธปืนจำนวนมาก พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบ บางส่วนมีทะเบียน บางส่วนก็ไม่มีทะเบียน เพียงแต่ทราบว่าในเบื้องต้นเป็นของ พ.ต.ต.ปรากรม ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ปรากรม ยังมีการสอบสวนไปตามปกติ แต่ผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย สิทธิเรื่องการนำคดีอาญามาฟ้องก็ระงับไป ถึงอย่างไรก็ต้องสอบสวนให้ชัดเจนว่าผิดหรือถูกมีใครร่วมบ้าง ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศรีราห์ ยังกล่าวเชิงปรามสื่อมวลชนด้วยว่า ในความผิดมาตรา 112 ถ้าถามในทางที่ทำให้เสียหายก็ให้สังวรว่าเป็นความผิดด้วยเหมือนกัน
ยัน “เอี๊ยด” เป็นพี่เบิ้ม 8 ตร.
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสืบสวนกล่าวว่า เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีไหวตัวและพยายามจะทำลายข้อมูล เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายาม และผู้ชำนาญเฉพาะทางมาดำเนินการ บางส่วนสามารถดำเนินการกู้กลับมาได้ แต่บางส่วนยังต้องใช้ความพยายามอยู่ ตำรวจทั้ง 8 นายที่ให้มาช่วยราชการ ต้องเรียนว่า พ.ต.ต.ปรากรมเป็นหัวหน้าของตำรวจชุดนี้ ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์แล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องของการสอบสวน เรื่องนี้ใครที่ไม่เกี่ยวก็คือไม่เกี่ยว ส่วนใครจะเกี่ยวข้องอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และพฤติการณ์ของนายสุริยัน หรือหมอหยอง เมื่อได้ทรัพย์มามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงซ่อนเร้น อำพรางทรัพย์สินไปยังกลุ่มญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด และยังมีการแปรสภาพเป็นทรัพย์สินส่วนอื่น ซึ่งยากแก่การตรวจสอบ แต่เราใช้ความพยายามจนสามารถตรวจสอบได้

สอบ 2 ตร.เครือข่ายเอี๊ยด
มีรายงานด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้ไปสอบสวนปากคำ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. และ พ.ต.ท.ณัทกฤช พรหมจันทร์ สว.ธร.กก.2 บก.ป. ซึ่งทั้งคู่อยู่ในเครือข่ายสารวัตรเอี๊ยด และถูกย้ายไปช่วยราชการ ศปก.บช.ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อมูลการทำลายพยานหลักฐานข้อมูลติดต่อทางโทรศัพท์ และเครื่องไอแพด โดย พ.ต.ต.ปรากรม สั่งให้นำไปโยนทิ้งน้ำเพื่อลบข้อมูลต่างๆ
แฉกีตาร์ไฟฟ้าบิ๊กกิ๊กตัวละ 4.1 แสน
ในส่วนของกลางที่เป็นทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ที่ไปพบในที่พักสารวัตรเอี๊ยดนั้น พนักงานสอบสวนได้ไปสอบปากคำ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ในเรือนจำ โดยอดีต ผบช.ก.ยืนยันว่า ทรัพย์สินในภาพที่พนักงานสอบสวนนำมาให้ดูนั้นเป็นของตนจริง ประกอบด้วยกีตาร์ไฟฟ้า 2 ตัว สร้อยหิน และตุ๊กตาอีโรติก ซึ่งเป็นของสะสม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานเป็นพนักงานขายเครื่องดนตรีในร้านลักกี้มิวสิค โดยยืนยันว่ากีตาร์ 2 ตัวตามภาพนั้นได้ขายให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.55 เป็นกีต้าร์ไฟฟ้ายี่ห้อ PRS รุ่น AL DIMEOLA PRISM ราคา 410,000 บาท ต่อมาวันที่ 14ธ.ค.55 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ได้มาที่ร้านอีกครั้งกับคนชื่อต้นพร้อมได้ซื้อสินค้าที่ร้านเป็นกีตาร์ยี่ห้อ PRS รุ่น AL DIMEOLA PRISM ราคา 100,000 บาท
เผยผังหมอหยองกินส่วนต่างค่าเข็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงแผนผังเครือข่าย “หมอหยอง” สั่งทำเข็มกลัด ปั่นเพื่อแม่ และปั่นเพื่อพ่อ เก็บค่าส่วนต่างจากบริษัทเอกชนด้วย โดยรายละเอียดการสั่งทำเข็มกลัดในงานปั่นเพื่อแม่ ของนายสุริยัน และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขาคู่ใจ เริ่มจากวันที่ 17 พ.ค.58 นายสุริยันสั่งทำเข็มกลัด 300,000 ชิ้น จากนั้นวันที่ 18 มิ.ย. นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ นัดพบ น.ส.ทิพวรรณ อัศวก้องเกียรติ ผจก. ฝ่ายขาย บ.แมค บารา จำกัด ที่ร้านสเวนเซ่น สาขาเมเจอร์รัชโยธิน น.ส.ทิพวรรณ เสนอราคาเข็มกลัดชิ้นละ 3.70 บาท แต่นายสุริยันสั่งให้เพิ่มราคาเป็นชิ้นละ 5.70 บาท แล้วให้เอาเงินค่าส่วนต่างที่เกินโอนคืนนายสุริยัน และนายจิรวงศ์
แจงยิบขั้นตอนโอนถอนเงิน
ต่อมา วันที่ 22 มิ.ย. น.ส.ทิพวรรณส่งใบเสนอราคามาให้บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยแบ่งเสนอราคาเป็น 5 บริษัท ได้แก่ บ.เจริญโภคภัณฑ์ อิน-เอ็กซ์ จำกัด บ.แอดวานซ์ ฟาร์ม่า จำกัด บ.เคเอสพี อุปกรณ์ จำกัด บ.เพอร์เฟค คอมมาเนียน กรุ๊ป จำกัด และ บ.เกษตรภัณฑ์ อุตสาหกรรม จำกัด ราคาเป็น 5 บริษัท รวมราคา 3,049,500 บาท จากนั้น วันที่ 22 มิ.ย. บริษัท ซีพี ในเครือ จ่ายค่ามัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงิน 1,482,000 บาท ให้กับ บริษัท แมค บารา จำกัด ต่อมา วันที่ 23 มิ.ย. น.ส.ทิพวรรณถอนเงินออกจากบัญชี บริษัทฯ 1,200,000 บาท โดยนำเงิน 1,000,000 บาท เข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.สุรีวรรณ ชาญยุทธิ์ สาขาวัชรพล เลขที่บัญชี 499-0000-84-6 จากนั้น วันที่ 2 ก.ค. นายสุริยันให้นางจีราภา (น้องสาว) ถอนเงินไปซื้อกองทุนสะสมรายวันธนาคารกรุงไทย ชื่อนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ ส่วนอีก 200,000 บาท เข้าบัญชี ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาโลตัส ฟอร์จูน ชื่อบัญชี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และระหว่างวันที่ 23 มิ.ย.-11 ก.ค. นายจิรวงศ์ถอนเงินมาใช้จนหมด
ใช้วิธีกินส่วนต่าง เข็มปั่นเพื่อพ่อ
ส่วนรายละเอียดการสั่งทำเข็มกลัดในงาน ปั่นเพื่อพ่อของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ วันที่ 30 ก.ย.58 นายสุริยัน สั่งทำเข็มกลัด 2,000,000 ชิ้น ต่อมา วันที่ 1 ต.ค. นายสุริยัน นายจิรวงศ์ นัดพบ น.ส.ทิพวรรณ อัศวก้องเกียรติ ที่สโมสรทหารบก เสนอราคาเข็มกลัด ชิ้นละ 2.75 บาท และวันที่ 2 ต.ค. น.ส.ทิพวรรณ ส่งใบเสนอราคามาให้บริษัทในเครือเมืองไทยประกัน คือ บ.เมืองไทยประกันภัยฯ และ บ.เมืองไทยประกันชีวิตฯ รวมราคา 10,700,000 บาท จากนั้นวันที่ 5-6 ต.ค. บริษัทในเครือเมืองไทยประกันภัย จ่ายค่ามัดจำ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 5,350,000 บาท ให้กับ บ.แมค บารา จำกัด ถัดมา วันที่ 7 ต.ค. น.ส.ทิพวรรณถอนเงินออกจากบัญชีบริษัทฯ จำนวน 4,773,000 บาท จากนั้น วันที่ 8 ต.ค. โอนเงิน 4,000,000 บาท เข้าบัญชี ธ.กรุงไทย สาขาวัชรพล น.ส.สุรีวรรณ ชาญยุทธิ์ เลขที่บัญชี 499-0000-84-6 โดยเงินจำนวนดังกล่าวแบ่งไปซื้อคอนโดพหลโยธินพาร์ค 127/21 ชั้นที่ 3 อาคารเลขที่ 3 แขวงสามเสน เขตพญาไท กทม. 3,200,000 บาท และอีก 800,000 บาท ฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาวัชรพล ชื่อบัญชีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ เลขที่ 499-0-10800-0 ส่วนเงินจำนวน 773,000 บาท โอนเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขที่บัญชี 2402311342
อธิบดีคุกยัน “หยอง” และสมุนยังปกติ
ด้านนายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขณะนี้นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์หรืออาร์ต ชัดเตอร์มหาเทพ เลขาฯ ของนายสุริยัน 2 ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ยังปกติดีอยู่ทั้งคู่ ในเรื่องอาหารการกินนั้นก็เป็นเมนูทั่วไปแบบเดียวกับผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ เพียงแต่ที่เรือนจำชั่วคราวฯมทบ.11จะให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ มาปรุงและผลิตอาหารให้ที่เรือนจำ ชั่วคราวฯเท่านั้น

“บิ๊กป้อม” ยังไม่เห็นใบลาออก “ประวุฒิ”
ขณะที่ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการจับบุคคลเพิ่มเติมในคดีความผิดมาตรา 112 ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน รายชื่อผู้กระทำความผิด ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นผู้แถลง เมื่อถามว่า ข่าวว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 ยื่นใบลาออก พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ใครบอกว่าลาออก ไม่มี ตนยังไม่เห็นเอกสารใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรเลย ถ้าเขาจะลาออกต้องผ่านผมสิ” เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ประวุฒิเกี่ยวข้องกับคดีมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องให้เขาสืบสวน หากสาวไปถึงใครก็ต้องดำเนินการ และเรื่องนี้จบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนว่าเกี่ยวโยงถึงใครบ้าง

สามารถแจงข้อเท็จจริงเหตุถูกโยง
ด้านบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ซึ่งตกเป็นข่าวมีส่วนร่วมในการตั้งสถานีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.นั้น ได้ส่งหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสื่อมวลชน ระบุขอปฏิเสธเนื้อหาตามข่าวทั้งหมดและขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ได้รับการร้องขอความอนุเคราะห์จากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ลงวันที่ 16 ก.ค.58 ลงเลขที่ ตร0033.22/508 ย้ายอุปกรณ์ระบบวิทยุ DTRS จาก สน.บึงกุ่ม มาติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 เพื่อสนับสนุนกิจกรรมจักรยานเทิดพระเกียรติปั่นเพื่อแม่ ซึ่งจะใช้เป็นระบบวิทยุสื่อสารหลักของการรักษาความปลอดภัยและ อำนวยการจราจรในงาน มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติและใช้งานวิทยุ DTRS เป็นจำนวนมากและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองตำรวจสื่อสารผู้ใช้วิทยุระบบนี้มีสถานีฐานแบบประจำติดตั้งไว้ที่ สน.บึงกุ่ม ซึ่งมีช่องสัญญาณมากกว่าสถานีฐานแบบเคลื่อนที่ ดังนั้น ทางกองตำรวจสื่อสารจึงได้ขอความอนุเคราะห์มายังบริษัทให้ย้ายอุปกรณ์สถานีฐานของวิทยุ DTRS จาก สน.บึงกุ่ม มาติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 เพื่อทำให้การรับส่งสัญญาณวิทยุ DTRS มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น บริษัทได้ดำเนินการและส่งมอบงานตามที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อย และขอยืนยันว่ามิได้ทำการใดๆ นอกเหนือจากที่ได้รับมอบหมาย และไม่ได้กระทำการใดๆ ที่เป็นความผิดทางกฎหมายทุกประการ
โดนพิษหุ้นกลุ่มสามารถถึงร่วง
ทั้งนี้ หลังถูกดึงไปพัวพันคดีประวัติศาสตร์ดังกล่าว หุ้นกลุ่มสามารถจับมือร่วงทันที โดย SAMART ปิดตลาดที่ระดับ 21.10 บาท ลดลง 2.10 บาท หรือ 9.05% มูลค่าการซื้อขาย 2,522 ล้านบาท SAMTEL ปิดที่ระดับ 19.60 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 4.39% มูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท