ขบวนการก่อเหตุสะเทือนขวัญ วางบอมบ์ ‘ศาลท้าวมหาพรหม’ เช่าอพาร์ตเมนต์ฝังตัวเกือบ 2 ปี
รวบหนุ่มแขกขาวชาวตุรกี วัย 28 ปี พันแก๊งวินาศกรรมกรุงเทพฯ ทีมสืบแกะรอยจับได้ ขณะอยู่ในอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก พบกุญแจซุกอยู่ในตู้เย็น สุ่มเปิดดูเป็นห้องข้างๆ ถึงผงะเจออุปกรณ์ทำระเบิดสารพัด รวมทั้งลูกปรายเหล็กแบบเดียวกับเหตุบึมแยก ราชประสงค์และท่าน้ำสาทร ตรวจสอบห้องพักพบเปิดห้องเช่าไว้ 5 ห้อง ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ผบ.ตร.รุดไปคุมทีมเอง ขอสื่อยังไม่ระบุสัญชาติ รอล่ามสอบสวนตามหลักสากลก่อน ฉุนสื่อตั้งคำถามจับแพะ เผยเบื้องหลังตำรวจไทยใช้โปรแกรมไฮเทคแบบในหนังแกะรอยล่า เชื่อผู้ต้องหารายนี้หนีออกนอกประเทศไม่ได้เพราะหนังสือเดินทางมีปัญหา ขณะเดียวกัน สืบ 4 รวบสาว ไทยขายซิมโทรศัพท์ให้ทีมบึม พร้อมล่าตัวแท็กซี่รับมือบึมมาสอบอีกรอบ สื่อต่างประเทศตีข่าวตำรวจไทย จับมือระเบิดได้ อ้างสื่อไทยแพร่ภาพหนังสือเดินทางผู้ต้องสงสัยคล้ายชาวตุรกี
หลังเกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา และยังเกิดเหตุระเบิดซ้ำที่ท่าเรือสาทร ถนนเจริญกรุง แต่ไม่มีใคร ได้รับบาดเจ็บ ทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่มีใครออกมารับ ผิดชอบเป็นผู้ก่อเหตุ โดยคดีวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม พนักงานสอบสวนออกหมายจับมือระเบิดเหี้ยม ตามภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ใส่เสื้อยืดสีเหลือง สะพายเป้เดินเข้าในศาล ส่วนคดีที่ท่าน้ำสาทร ออกหมายจับชายวัยรุ่นลักษณะคล้ายคนเอเชีย ใส่เสื้อสีฟ้า ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ขณะเดียวกันสื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า เป็นฝีมือของกลุ่มเกรย์วูล์ฟส สมาชิกเติร์กหัวรุนแรง เหตุจากปัญหาอุยกูร์ ส่วน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ฉุนสื่อเทศ โวยไม่ใช่เตี่ยที่จะต้องเชื่อคำวิเคราะห์ พร้อมวอนสื่อไทยอย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว
...
ผบ.ตร.เรียกประชุมแต่เช้า
จากเหตุระเบิดเขย่าขวัญคนกรุงและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะเชื้อสายจีน ถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 12 วัน การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้เรียก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรไชยเดช ผบก.น.6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ระเบิดทั้ง 2 จุด ร่วมประชุมหารือและสรุปความคืบหน้าคดีดังกล่าวให้ที่ประชุมทราบ
มั่นใจจับได้ในเร็ววันนี้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้ใช้วิธีให้ตำรวจนอกเครื่องแบบร่วมกับอาสาสมัครที่มีความรู้ความชำนาญด้านภาษา ลงพื้นที่แฝงตัวในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งที่พักอาศัยของชาวต่างชาติเพื่อหาข่าวและข้อมูลของคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิด การสอบสวนพยานทุกคน ตลอดจนสรุปความคืบหน้าในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งของภาครัฐและเอกชน การนำอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากต่างประเทศและบริษัทเอกชนต่างๆ ผลเป็นที่น่าพอใจว่าจากความ มุ่งมั่นและทุ่มเทในการคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ทำให้ทราบถึงกระบวนการและกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ร่วมกันก่อเหตุ มีความชัดเจนมากขึ้นคน ร้ายน่าจะมีหลายคน ทำเป็นกระบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ และน่าจะมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อเป็นการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและต่างชาติ และมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆนี้
ล้อมอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก
โดยผลจากการสืบสวนแกะรอยมือระเบิดใจอำมหิตอย่างต่อเนื่อง เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรม โดยเมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน มีรายงานว่าชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยประดิษฐ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ได้สืบสวนวางสายหาข้อมูลชาวต่างชาติต้องสงสัยที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติในช่วงเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม จนพบบุคคลต้องสงสัยรายหนึ่งที่ติดตามข้อมูลตั้งแต่แรก โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยต่างชาติรายนี้พักอยู่ที่ พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นโดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืด
รวบหนุ่มตุรกีพันบึมพระพรหม
หลังตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ชุดสืบสวนคดีระเบิดพร้อมหน่วยงานความมั่นคง ได้เข้าจู่โจมตรวจค้นห้อง 412 พบชาวต่างชาติภายในห้อง 1 คน เบื้องต้นอ้างเป็นนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี แต่เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นของประเทศตุรกี และมีการปลอมแปลงเอกสารบางส่วน สอบสวนเบื้องต้นชายคนดังกล่าวอ้างว่าเดินทางมาจากประเทศเวียดนาม ลาว มาเลเซีย ก่อนเข้าไทย ตรวจค้นในห้องพักพบแบตเตอรี่ก้อน 9 โวลต์ จำนวนมาก และอุปกรณ์ประเภทไขควง กรรไกร นอกจากนี้ ยังพบพวงกุญแจอีกชุดซุกซ่อนไว้ในตู้เย็น
พบอุปกรณ์ทำระเบิดซุกอีกห้อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เอากุญแจพวงดังกล่าวไปสุ่มเปิดห้องภายในอพาร์ตเมนต์ที่มีความสูง 4 ชั้น โดยพบว่าพวงกุญแจที่อยู่ในตู้เย็น เป็นกุญแจห้อง 414 ภายในห้องพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดเป็นลูกเหล็กกลม หรือบอลแบริ่ง เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซม. ชนิดและขนาดเดียวกับที่พบหลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร นอกจากนี้ยังพบฝักแคหรือตัวจุดชนวนระเบิด เสื้อเชิ้ตที่เปื้อนสารระเบิดทีเอ็นทีและยูเรีย ซีโฟร์ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวชายหนุ่มชาวตุรกี เจ้าของห้องเช่าไว้สอบสวน เพราะลักษณะรูปพรรณคนร้ายใกล้เคียงผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีระเบิดแยกราชประสงค์
...
อ้างไม่รู้ของกลางมายังไง
สำหรับผู้ต้องสงสัยชาวตุรกี จากการสอบสวนทราบชื่อต่อมานายเอเดม การาดัค อายุ 47 ปี เบื้องต้นยังปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องเหตุระเบิด อ้างว่าเพิ่งเดินทางเข้าประเทศไทยมาแค่ 18 วัน และไม่รู้ว่าอุปกรณ์ประกอบระเบิดและแบตเตอรี่แรงดันสูงมาได้อย่างไร ขัดกับผลสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบข้อมูลเชื่อมโยงวันเกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไปอยู่ที่หัวลำโพง เจ้าหน้าที่ได้ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจหาพยานหลักฐาน และดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับคนร้าย
ผบ.ตร.ขึ้นไปคุมเอง
ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่ โดยเข้าประชุมกับชุดสืบสวนอย่างเคร่งเครียดก่อน พล.ต.อ.สมยศ และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ขึ้นไปสอบสวนและควบคุมตัวลงมาจากห้องพักด้วยตัวเอง และนำตัวผู้ต้องหาคลุมไอ้โม่งไปสอบสวนต่อในสถานที่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางความสนใจของบรรดาไทยมุงหลายร้อยคน ที่ถูกเจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นโซนห้ามเข้า และกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่มีรายงานว่า ผู้ต้องหารายนี้ชื่อนายเอเดม การาดัค อายุ 28 ปี โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีนายอัมเหม็ด เมเหม็ด อีมิน เอยีส ชาวตุรกี เป็นผู้เช่าห้องทั้งหมด 5 ห้อง ประกอบด้วย 404, 409, 410, 411 และ 412 โดยเช่าไว้ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.57
ได้ตัวสาวขายซิม–ล่าแท็กซี่รับมือบึม
มีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้ข้อมูลเชื่อมโยงคนไทย 2 คนเข้ามาเกี่ยวข้อง มีข้อมูลติดต่อซื้อซิมโทรศัพท์มือถือที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ชุดสืบสวน บก.น.4 นำโดย พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.บก.น.4 ได้นำตัวคนขายที่เป็นผู้หญิงน่าเชื่อว่าจะมีส่วนเชื่อมโยงมาสอบสวน เนื่อง จากพบการติดต่อซื้อขายซิมโทรศัพท์จำนวนมาก ขณะเดียวกันชุดสืบสวนอีกชุดเดินทางไปที่ จ.สุรินทร์ เพื่อนำตัวคนขับรถแท็กซี่ที่เป็นคนรับมือระเบิดมาสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากมีข้อมูลและคำให้การที่สับสนวกวนไปมาไม่ยอมพูดความจริงทั้งหมดกับ
ชุดสืบสวน
...
โฆษก ตร.รับจับแล้ว ไม่ยันเป็นตุรกี
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร.เผยต่อผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ตอนนี้ควบคุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นชาวตุรกี ต้องรอรายละเอียดที่แน่นอนก่อน จากการตรวจสอบภายในห้องพักพบเสื้อผ้าที่เป็นของผู้ต้องสงสัย มีความเชื่อมโยงกับคดีวางระเบิดที่แยกราชประสงค์และสะพานสาทร พบวัตถุที่เป็นชิ้นส่วนระเบิดเมื่อวันที่ 17-18 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกจับกุมกับภาพสเกตช์คนร้ายมีความใกล้เคียงกัน ยังไม่ยืนยันข้อมูลชัดเจน ต้องรอตรวจสอบโดยละเอียด ส่วนการตรวจค้นพบลูกปรายขนาดใกล้เคียงกันกับที่ก่อเหตุที่ราชประสงค์ รายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุมยังไม่ขอเปิดเผย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารกำลังจะนำผู้ต้องสงสัยออกจากพื้นที่ และในเวลาประมาณ 18.00 น. จะมีการแถลงจับกุมที่ศูนย์ติดตามเหตุระเบิดอีกครั้ง
แถลงซ้ำ มือบึมอายุ 28 ปี
ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงจับกุมผู้ต้องสงสัยวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และที่ท่าเรือสาทร ในวันนี้ตั้งแต่เวลาเช้า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังตรวจค้นตามเป้าหมายที่สงสัย และมีข้อมูลจากการสืบสวนหลังเกิดเหตุระเบิดมา ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 ทราบว่า มีผู้ต้องสงสัยเข้าไปพักอาศัย ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ผลการตรวจค้นพบชาย ขณะนี้ถูกจับกุมในฐานะที่มีระเบิดไว้ในครอบครอง เป็นชายชาวต่างชาติ อายุ 28 ปี พร้อมของกลางวัตถุระเบิด อันได้แก่ ฝักแคระเบิด ชิ้นส่วนที่เป็นลูกปืนรถจักรยานยนต์ ลักษณะเป็นแพ็กมีสติกเกอร์ติดอยู่ในแพ็ก เพื่อสะดวกในการประกอบระเบิด อีกอันเป็นท่อคอนเทนเนอร์สำหรับบรรจุระเบิด ท่อเหล็ก และฝาครอบท่อเหล็ก พาสปอร์ต ของประเทศประเทศหนึ่งจำนวนมาก ขณะนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไว้ รายละเอียดในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด ทั้ง 2 แห่ง ทั้งที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร เชื่อว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน รายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป
...
เพิ่มความเข้มจุดเข้าออกชายแดน
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. แถลงว่า ในส่วนของมาตรการอื่นๆ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ และทหาร พลเรือนอาสาสมัคร ยังคงเฝ้าระวังในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะจุดผ่านเข้าออก พื้นที่ชายแดนทั่วประเทศ โดย ผบ.ทบ.ได้กำชับเจ้าหน้าที่บริเวณดังกล่าวอย่างเข้มข้น นอกเหนือจากปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยว หรือในพื้นที่ชุมชนต่างๆจำนวนมาก ขอขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสต่างๆ
ใช้เทคโนโลยีแบบในหนังแกะรอย
ส่วนเบื้องหลังการจับกุม มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง อย่างที่เห็นในภาพยนตร์ต่างประเทศ สุ่มหาผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุตามเส้นทางที่ปรากฏคนร้ายในกล้องวงจรปิด โดยทันทีที่ได้เป้าหมายต้องสงสัย ชุดสืบสวนกองปราบฯได้เปิดฉากเข้าตรวจค้นกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มหนึ่งที่รีสอร์ตใน จ.กระบี่ แต่ผลการตรวจค้นไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายคดีระเบิด ชุดสืบสวนได้กลับมาตั้งหลักพิสูจน์ทราบหลักฐานทางเทคโนโลยีอีกครั้ง คราวนี้พบกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติ 3 คน และเชื่อว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว 2 คน แต่ในส่วนของนายเอเดม การาดัค นั้นเดินทางออก นอกประเทศไม่ได้ เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับหนังสือ เดินทาง โดยเฉพาะการระบุในหนังสือเดินทางว่านายเอเดม การาดัค อายุ 47 ปี แต่จากใบหน้า มีอายุน้อยกว่า อีกทั้งพบจุดต้องสงสัยหลายอย่างในหนังสือเดินทาง เลยทำให้ออกนอกประเทศไปไม่ได้
“2 ป.” รู้แล้วรวบผู้ต้องสงสัย
ไล่เลี่ยกัน นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วน รายละเอียดจะไม่ขอเปิดเผยขอให้ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง
“บิ๊กโด่ง” รอ ตร.สอบโยงบึมราชประสงค์
เวลา 16.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ได้รับรายงานแล้ว น่าจะเป็นความคืบหน้าจากการสืบสวนสอบสวน การแกะรอยจากหลักฐานที่มีทั้งกล้องวงจรปิด พยานบุคคล การตั้งรางวัลนำจับ การวางกำลังปูพรมค้นหาพื้นที่สงสัยต่างๆนี้ถือเป็นความก้าวหน้า แต่ต้องรอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์หรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องจะเกี่ยวข้องในระดับไหน มีเหตุผลอะไรถึงก่อเหตุ ทุกอย่างต้องชัดเจน ต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะมีผลเสียในภาพรวมได้เหมือนกัน เรื่องของสอบสวนคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ส่วนทหารมีหน้าที่ช่วยงานด้านการข่าวตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้มอบหมาย
รับการข่าว ตปท.เตือนสร้างสถานการณ์
“ขณะนี้ต้องรอการยืนยันจากการสอบสวนและเทียบเคียงวัตถุพยาน แต่ถือเป็นเรื่องดีที่มีความคืบหน้าในการสืบสวนคดี ทั้งนี้ขอประชาชนอดทนรออีก 2-3 วัน เพื่อความกระจ่างของข้อมูล และขอประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยก่อนเกิดเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ พบคำเตือนจากต่างประเทศบ้าง แต่อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ ยืนยันทหารทำงานร่วมกับตำรวจได้ไม่มีปัญหา พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ดูแลในเวลาเสี่ยงและพื้นที่สำคัญด้วย” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
สมยศฉุนเจอถามจับแพะ
ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.อ.สมยศออกมาเปิดเผยหลังส่งผู้ต้องหาขึ้นรถโดยมีกำลังตำรวจคุ้มกันแน่นหนาว่า อยากแจ้งถึงประชาชนคนไทยว่า ขณะนี้ตำรวจไทย และเจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุมชาวต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งตนยังไม่ขอระบุสัญชาติได้แล้ว พร้อมยึดของกลางวัตถุระเบิดจำนวนมาก แจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ทหารนำไปสอบสวนยังสถานที่แห่งหนึ่ง จะได้ติดต่อสถานทูตล่ามแปลภาษามาร่วมสอบอย่างเป็นหลักการต่อไป สรุปว่าขณะนี้ขอให้ข้อมูลแค่นี้ เพราะต้องสอบสวนตามหลักสากลเสียก่อนจึงจะระบุได้ ยังไม่ขอระบุสัญชาติผู้ต้องหา และชนิดของระเบิดที่พบ ระหว่างนั้นมีผู้สื่อข่าวไทยคนหนึ่งถามแทรกมาว่าจับแพะหรือเปล่า ทำให้ ผบ.ตร.ถึงกับอารมณ์เสีย หันไปทางนักข่าวคนนั้น พร้อมบอกว่า“คุณออกไปเลย ผมไม่แคร์คุณอยู่แล้ว บรรยากาศกำลังดีมาถามคำถามแบบนี้” จากนั้น ผบ.ตร.ก็เดินเข้าไปในอาคารอีกครั้ง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปิดตึกเพื่อความปลอดภัย และเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
อ้างใช้พาสปอร์ตปลอมหนีเข้าเมือง
เวลา 19.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าตรวจค้นที่พักพบวัตถุอุปกรณ์ประกอบระเบิดหลาย รายการสำคัญ ฝักแคระเบิดลักษณะคล้ายที่พบเหตุระเบิดท่าเรือสาทร และตรวจค้นพบลูกปืนแบบกลมที่เรียกบอลแบริ่งเรียงไว้เป็นแพ็กแปะกระดาษเทปกาวไว้สำหรับติดประกบระเบิดด้านในหรือด้านนอก เป็นส่วนสำคัญที่น่าเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ไม่ใช่ผู้ต้องหาตามหมายจับที่นำระเบิดมาวางไว้ในศาลพระพรหม แต่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในทีมงานก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้สอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมรับว่าเกี่ยวข้องเหตุระเบิดทั้งสองแห่ง แต่รับว่าได้ใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อหลบหนีเข้าเมืองไทย
สื่อเทศตีข่าว ตร.ไทยจับมือบึม
วันเดียวกัน สำนักข่าวทั้งเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ และบีบีซี ต่างรายงานถึงกรณีเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ ที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันในเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 17 ส.ค. ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมระบุว่าช่องสถานีโทรทัศน์ของไทยได้แสดงภาพพาสปอร์ต พบในห้องพักของผู้ต้องสงสัยที่ดูเหมือนเป็นของประเทศตุรกี และเจ้าของพาสปอร์ตเกิดเมื่อปี 2530 แต่มิได้เปิดเผยชื่อนามสกุล นอกจากนี้ จากการเปิดเผยเบื้องต้นของตำรวจ ยังพบวัสดุที่มีความเป็นไปได้ว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับทำระเบิด อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพพาสปอร์ตที่มีการเผยแพร่ออกไป ถูกยึดมาจากห้องพักของผู้ต้องสงสัยหรือไม่
โฆษก คสช.ยัน การสืบสวนคืบหน้า
ก่อนหน้านี้เมื่อเที่ยงวันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รายงานความคืบหน้า ว่า ขณะนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 36 ราย ผู้ที่ได้รับความผิดชอบได้ดูแลอย่างดีที่สุด สำหรับงานสืบสวนคดี ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสืบสวนคดีล่าสุดว่ายังคงมีความก้าวหน้าตามลำดับห่วงเวลา การสืบทางด้านเทคนิคจากกล้องซีซีทีวี หรือผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ถูกเก็บบันทึกเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำคัญในการเปรียบ– เทียบ พิสูจน์ทราบบุคคลต้องสงสัยดำเนินการไปแล้วเกือบครบถ้วน สำหรับการสืบข้อมูลทางด้านสังคมจากการดำเนินชีวิต เช่นการคัดกรองผู้เข้าพักอาศัยในพื้นที่หรือชุมชนต่างๆ อยู่ในระหว่างดำเนินการใน ลักษณะปูพรมในทุกๆพื้นที่ ด้วยกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมถึงการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากพี่น้องประชาชน ในส่วนนี้จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้ผลลัพธ์สมบูรณ์ที่สุด และสรุปล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่าพอจะเห็นเค้าลางบาง ส่วน แต่ต้องรอองค์ประกอบอื่นๆมาสนับสนุนให้เพียงพอ ความคืบหน้าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงได้แจ้งให้พี่น้องประชาชนได้ทราบในโอกาสต่อไป
รปภ.เข้มงานอีเวนต์ที่เชียงใหม่
สำหรับการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตามสถานที่ต่างๆยังคงมีการปรับให้เหมาะสม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองอย่างดีที่สุด เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น บริเวณประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจัดงาน “มหกรรมของดี ของฝาก 4 ภาค” บรรยากาศภายในงานก็ยังคงมีประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ยังคงเดินออกมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคัก ภายในงานมีการจัดร้านค้า ร้านอาหาร ที่รวบรวมสินค้าและอาหาร ทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในระบบการป้องกันของรัฐบาลเป็นอย่างดี ผู้ประกอบการภายในงานกล่าวว่า นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้ามาภายในงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือชาวต่างชาติอื่นๆ จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยอดการค้ายังคงปกติ ถึงจะมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นก็ตาม เจ้าหน้าที่ประจำ จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงอำนวยความสะดวก ตรวจสอบตามจุดเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
นักท่องเที่ยวมั่นใจระบบ รปภ.
โฆษก คสช.กล่าวว่า สอบถามนักท่องเที่ยวจากต่างท้องที่กล่าวว่า ยังคงมั่นใจในระบบการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างดี รวมถึงติดตามสถานการณ์ภายในกรุงเทพฯที่ คสช. รายงานสถานการณ์รายวันให้ทราบความคืบหน้าของเหตุระเบิดอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดความมั่นใจ เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุด ขอบคุณผู้ที่แจ้งเบาะแสต่างๆมายังศูนย์ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ของ คสช. ผ่านเบอร์โทรศัพท์สายด่วน 1515 ข้อมูลที่ได้รับ บางส่วนมีประโยชน์และได้ถูกส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อไป
นายกฯชื่นชม จนท.สางคดีบึม
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องที่ทำงานอย่างหนักต่อเนื่องหลายวัน จนนำไปสู่ความคืบหน้าของคดีอย่างมาก แต่สิ่งที่นายกฯเป็นห่วงอย่างมากในขณะนี้คือ การรายงานข่าวของสื่อมวลชน ที่อาจเกินเลยความเป็นจริง ทำให้ประเทศต้องมีศัตรูหรือสร้างศัตรูจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมถึงการแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ในโลกโซเซียลมีเดีย อาศัยการคาดเดาเป็นหลัก ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ อยากขอให้ทุกฝ่ายติดตามผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ และการแถลงความคืบหน้าจาก คสช. เพื่อป้องกันความสับสนและคลาดเคลื่อนของข้อมูล
เป็นแก๊งปลอมแปลงพาสปอร์ต
หลังการแถลงของ คสช. เมื่อเวลา 19.20น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวอีกครั้งหลังเดินทางกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ายืนยันว่าคนร้ายที่จับได้ มีความเชื่อมโยงทั้งวัตถุพยาน วัตถุระเบิด รวมถึงการตรวจค้นต่างๆกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ยืนยันว่าได้รวบรวมหลักฐานทั้งจากเจ้าหน้าที่ ส่วนประชาชน และชุดสืบสวนสอบสวน ได้ขยายผลติดตามกลุ่มคนร้ายมาระยะหนึ่งแล้ว สอบถามจากเจ้าของอพาร์ตเมนต์ และคนในพื้นที่ระบุว่า กลุ่มดังกล่าวมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 มีพฤติกรรมในการทำผิดกฎหมายมาโดยตลอด เช่น การปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง ถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการตรวจสอบหาตัวผู้ต้องสงสัย เพราะมีการยื่นเอกสารเข้ามาในสารบบ
แค้นแทนเพื่อน ไม่ใช่ก่อการร้ายข้ามชาติ
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า การก่อเหตุครั้งนี้ยังไม่ยืนยันว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร แต่ได้ตัดประเด็นต่างๆ ออกไปหลายประเด็นแล้วเช่นกัน เหลือเพียงแค่ประเด็นเดียวเป็นเรื่องของการโกรธแค้นแทนเพื่อนในการก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ สำหรับผู้ต้องสงสัยรายนี้ เป็น 1 ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะมีอยู่หลายคน หรืออาจจะถึง 10 คน ขณะนี้ก็ยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย หรืออาจจะมีบางส่วนหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วก็เป็นได้ จะมีการติดต่อขยายผลต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหา ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.ของวันนี้ ได้สอบปากคำเบื้องต้นคราวๆ ว่า ยืนยันว่ากลุ่มของเขาเป็นผู้ก่อเหตุ โกรธแค้นแทนเพื่อน โดยปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ได้วางแผนปิดล้อมตรวจค้น หลังเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหามา 1 ราย ที่อยู่ ภายในอพาร์ตเมนต์ทั้งยังพบอุปกรณ์ระเบิด รวมถึงวัตถุพยานอุปกรณ์ต่างๆที่ได้ และเป็นชนิดเดียวกันกับเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด ภายใน กทม.จึงยืนยันว่า มีความเกี่ยวพันกัน
บูชาพระธาตุพนมอุทิศ
ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน มีพิธีสักการบูชาพระธาตุพนม โดยมีพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะภาค 10 เป็นประธาน มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว ชาวกัมพูชา และชาวเวียดนาม พร้อมใจแต่งชุดขาวเข้าร่วมพิธีจนเต็มพื้นที่บริเวณลานตั้งแต่ซุ้มประตูเรืองอร่ามรัษฎากร ถึงด้านหน้าองค์พระธาตุพนมผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะมีการปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานตลอดทั้งคืนข้ามไปจนถึงรุ่งเช้าวันที่ 30 ส.ค. และจะร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ด้วย
สืบ 3 ค้นจุดซุกระเบิดอีกแห่ง
ค่ำวันเดียวกัน ชุดสืบสวน บก.น.3 นำกำลังขยายผลเข้าตรวจค้นห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี เมื่อได้รับเบาะแสว่าเป็นจุดซุกซ่อนวัตถุระเบิด ผลตรวจค้นพบปุ๋ยยูเรีย ตราเรือไวกิ้ง สูตร 40-0-0 ผงสีขาว ดินเทา 2 ขวด กระป๋องขนาด 12×7 เซนติเมตร 6 กระป๋อง สายไฟสีดำ หลอดไฟฟ้าประดับต้นไม้ สายไฟสีน้ำเงิน นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน นาฬิกาตั้งโต๊ะ 1 เรือน นอต 1 ห่อ กล่องวิทยุสื่อสาร กล่องเปล่าพลาสติก รถบังคับ และกระเป๋าเป้ใส่หนังสือ เจ้าหน้าที่ยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจค้นยังไม่พบเจ้าของห้อง
สอท.ตุรกีแถลงต้านก่อการร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่คำแถลงของสถานทูต เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับรายงานข่าวคาดการณ์เชื่อมโยงชาวตุรกีกับกรณีเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียที่เศร้าสลด ทั้งมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค. รมว.ต่างประเทศของสาธารณรัฐตุรกี ได้ส่งสารแสดงความเสียใจมายัง รมว.ต่างประเทศของไทย ในสารดังกล่าวได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และในฐานะตัวแทนประเทศตุรกี ได้ประณามอย่างรุนแรงต่อการก่อการร้ายดังกล่าว พร้อมแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย ประเทศตุรกีมีจุดยืนที่มั่นคงในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมีแหล่งที่มาต้นกำเนิด หรือแรงจูงใจอย่างใดก็ตาม ตุรกียังคงมีนโยบายต่อสู้กับการก่อการร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว
เศร้าสลดถูกโยงชาวเติร์ก
เกี่ยวกับการรายงานข่าว ที่คาดการณ์ระบุ มีชาวตุรกีพัวพันกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณนั้น ประเทศตุรกีได้ส่งสารแสดงจุดยืนในการต่อต้านการก่อการร้ายไปถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา ประเทศตุรกี และได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางการไทย หากทางการไทยมีข้อมูลที่แน่ชัด สอดคล้องกับการคาดการณ์ตามรายงานข่าว และทางสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยยังได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เราติดตามข่าวด้วยความเศร้าสลดต่อการรายงานข่าวและบทวิเคราะห์คาดการณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงชาวตุรกีกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ ขอยืนยันจุดยืนในการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประเทศไทย ตลอดจนยืนยันความพร้อมของเราในการให้ความร่วมมือกับทางการไทย
บิ๊กแป๊ะภาวนาให้มือบึมยังอยู่ไทย
ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้นำตัวคนขับแท็กซี่จาก จ.สุรินทร์ มาพบชุดสืบสวนสอบสวน และได้รายงานสรุปความคืบหน้าให้ ผบ.ตร.รับทราบ และให้กำลังใจชุดสืบสวน มีแนวทางสืบสวนสอบสวนอยู่แล้วอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานได้หารือ ผบช.น. เพื่อเตรียมขั้นตอนส่งสำนวนดำเนินคดีผู้ต้องหา เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับหนีออกนอกประเทศหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่บอกดีกว่า แต่ไม่มีรายงาน ตม.ในเรื่องนี้ ภาวนาขอให้อยู่ในเมืองไทย
เป็นไปได้คนร้ายเตรียมก่อเหตุซ้ำ
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า ตามแนวสืบสวนผู้ต้องหาที่ควบคุมได้เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการระเบิด แต่ยังไม่ทราบทำหน้าที่อะไร ขณะที่การตรวจค้นห้องพัก พบอุปกรณ์วัตถุประกอบระเบิดเป็นจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ว่าขบวนการดังกล่าวจะเตรียมไว้สำหรับการก่อเหตุระเบิดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนหนังสือเดินทางที่พบในห้องพักกว่า 250 เล่ม เป็นหนังสือเดินทางปลอมทั้งหมดมี 10 กว่าเล่มที่ใช้ไปแล้ว ทำให้ตำรวจไม่สามารถยืนยันสัญชาติของผู้ต้องหาได้ พร้อมกันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลัง เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ในบริเวณห้องพักผู้ต้องหา ส่วนจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอบปากคำผู้ต้องหา
มีรายงานว่า สำหรับเครือข่ายแก๊งบึมทั้งหมดด้วยกัน 11 คน เป็นคนไทย 2 คน นอกนั้นเป็นชาวสิงคโปร์ ตุรกี กัมพูชา และจีน รวมกัน ชุดสืบสวนกำลังไล่ล่าประกบตัวทั้งหมดมาสอบสวนแล้ว