พยานจําได้หน้าเหมือนในสื่อ ปิดเมืองค้นรังโจรบี้ต่อเนื่อง กระเป๋าเปล่าป่วนมอเตอร์เวย์
ชุดคลี่คลายคดีบึมศาลพระพรหม สุ่มสอบ 15 คนขับแท็กซี่ สีเขียวเหลือง รับมือระเบิดเสื้อเหลือง หลังพบรับมาจากสาทรซอย 11 มาส่งหัวลำโพงแต่ยังไม่ได้ตัวจริง ด้าน น.1 ระบุไม่ได้ คนร้ายยังอยู่ในหรือออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” จะลุยค้นต่อเนื่อง เน้นที่พักชาวต่างชาติ ถึง 27 ส.ค. หรือจนกว่าจะได้หลักฐานเพิ่ม ส่วน ผบ.ตร.รับ ยังห่วงสถานท่องเที่ยวที่สำคัญ เชิงสัญลักษณ์ พ้อขาดเครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทคล่าคนร้าย ขณะที่ โฆษก ตร.เผย ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบลงคลุกพื้นที่เน้นแหล่งท่องเที่ยว พร้อมขอความร่วมมือห้างฯใหญ่ ติดกล้องตรวจระดับสายตา เน้นความคมชัดดัดหลังคนร้าย มีเสียวรายวัน มือมืดเอากระเป๋าเดินทางเปล่าวางริมถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงวงแหวนทับช้าง ต้องปิดถนนกู้วุ่น เผยตำรวจเจอพยาน หลังบึมมือระเบิดเสื้อเหลืองเปลี่ยนเสื้อเข้าไปสังเกตอยู่ใน รพ.จุฬาฯ
ถึงมีความคืบหน้าทุกวัน แต่ยังไม่ทันใจคนไทยในการสืบสวนไล่ล่าหาตัวคนร้ายใจเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ ลักษณะคล้ายชาวต่างชาติในชุดเสื้อยืดสีเหลืองสะพายกระเป๋าเป้ ที่เชื่อเป็นมือระเบิดศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติเชื้อสายจีนประเทศต่างๆรวม 20 ศพ บาดเจ็บอีกนับร้อยคน เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กล้องวงจรปิดตรวจสอบย้อนหลังพบว่า มือบึมโบกรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองมาจากย่านสาทรมาลงที่หัวลำโพง ก่อนโบกรถตุ๊กตุ๊กไปก่อเหตุที่ศาลพระพรหม ในชั้นนี้ได้หลักฐานเป็นธนบัตรใบละ 20 บาทของคนร้ายที่ให้กับคนขับรถตุ๊กตุ๊กถูกนำไปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตรวจหาดีเอ็นเอคนร้าย พร้อมกับจัดชุดสืบสวนหารถแท็กซี่เขียวเหลืองที่ว่าเพื่อหาจุดที่มาคนร้ายต่อไป ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนยังพบความเชื่อมโยงเหตุระเบิดศาลพระพรหม กับเหตุระเบิดที่ท่าน้ำสาทร เมื่อบ่ายวันที่ 18 ส.ค.ด้วย ทั้งนี้กล้องวงจรปิดจับภาพชายเสื้อฟ้า คล้ายคนจีน เขี่ยวัตถุต้องสงสัยลงน้ำในห้วงเวลาไล่เลี่ยกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เพียงแต่ระเบิดมาทำงานในวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุระเบิดสนั่นโลกครั้งนี้ ทำให้ตำรวจต้องมีแผนปิดล้อมตรวจค้นครั้งใหญ่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นคนไทยและนักท่องเที่ยวกลับคืนมา
...
เปิดยุทธการ “ปิดเมืองค้นรังโจร”
โดยเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่ลานพระราชวังดุสิต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิ-พราหมณกุล ผบช.น.ร่วมกันปล่อยแถวระดมป้องกันปราบปรามและจัดการความปลอดภัยในยุทธการ “ปิดเมืองค้นรังโจร” เพื่อแสดงศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ประกอบด้วยตำรวจ 1,093 นาย ทหาร 100 นาย กทม. 90 นาย ภาคเอกชนและประชาชน 54 นาย รถยนต์ 138 คัน รถจักรยานยนต์ 194 คัน ทั้งนี้ยังมีหน่วยอีโอดี สุนัขตำรวจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 บช.น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบริปูสะท้าน บช.ก. หน่วยปฏิบัติการพิเศษแบล็คไทเกอร์ บช.ส. และหน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี บช.ปส. เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
ให้ ปชช.และ นทท.มั่นใจจะปลอดภัย
หลังเสร็จสิ้นพิธี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า บช.น.ได้ร่วมกับหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็น ตชด. กองปราบ ป.ป.ส. และทหาร ร่วมกันปฏิบัติ การปิดเมืองค้นรังโจร เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการสร้างความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ ให้พี่น้องประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้มีความรู้สึกว่าหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะสามารถดูแลให้ความปลอดภัยกับเขาได้ในโอกาสที่เขามาเยือนประเทศเรา การคาดหวังในวันนี้ทำตามสิ่งที่เราหาข้อมูลข่าวสารไว้ ในส่วนของเป้าหมายหรือรายละเอียดของการปฏิบัติการ มุ่งหวังในเรื่องอาชญากรรม ยาเสพติด หรือแม้เรื่องที่พี่น้องประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจจะรวมถึงเรื่องความมั่นคงด้วย
โวนักท่องเที่ยวชมไทยปลอดภัย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่งคง มีข้อสั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เน้นความสำคัญไปที่สถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานทูต และทำอย่างไรก็ได้เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา โดยร่วมมือกับหลายๆหน่วยงานลงพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปชุมนุม หรือใช้บริการเป็นที่พักอาศัย เพื่อทำให้เขาอบอุ่นใจ จากการลงพื้นที่ในหลายๆจุด นักท่องเที่ยวบางรายยังเชื่อมั่นว่าประเทศ ไทยมีความปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยไปมา หรือบางรายยังระบุว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยมากกว่าประเทศตัวเองเสียด้วยซ้ำ
เป็นจังหวะให้คนไทยกลับมารักกัน
“ผมไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และเราควรจะทำให้เป็นโอกาสให้คนไทยกลับมารักกัน ทำให้คนไทยรู้สึกหวงแหนในแผ่นดินตัวเอง จะไม่ปล่อยให้ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือคนไทยด้วยกันเองมาทำลักษณะนี้ให้ประเทศไทยเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม เพราะขณะนี้เวลานี้การพึ่งพาการส่งออกเป็นไปได้ยาก มีเพียงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่านั้นที่นำเงินตราเข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่หวังดี ผู้ที่กระทำในครั้งนี้เจตนาหลักๆมุ่งหวังที่จะเอาชีวิตและสร้างความหวาดกลัวแล้ว ยังทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาในประเทศไทย ถือว่ามีเจตนาจะทำลายประเทศชาติโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือคนไทยก็ตาม ถือว่าเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
พ้อไร้เครื่องมือทันสมัยล่าคนร้าย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่ออีกว่า ถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคดียังไม่ได้พัก โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นระบบ มีหลักการ และบางส่วนลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังมีเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุอยู่ในประเทศไทย ถ้าโชคดีอาจจับกุมคนร้ายได้ เพราะมีปัญหาการล่าช้า ไม่ได้มาจากตำรวจ แต่เพราะไม่มีอุปกรณ์ทันสมัย ต้องอาศัยความร่วมมือประเทศต่างๆในเรื่องอุปกรณ์ ส่วนของเอกชนที่สนับสนุนมามีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อเพราะเป็นของต่างประเทศ ยืนยันว่า ทางการไทยจะรับเฉพาะอุปกรณ์ แต่ไม่ยอมให้ประเทศใดเข้ามาแทรกแซง ที่ผ่านมายอมรับว่าตำรวจเก่ง แต่ไม่มีเครื่องมือ ส่วนที่มีการเสนอข่าวว่า กลุ่มก่อเหตุเป็น พวกคลั่งลัทธิ หรือคลั่งศาสนา เป็นเพียงการอธิบายรูปแบบการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ อาจเป็นไปได้หลายกรณี เวลานี้ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง แต่ไม่ใช่องค์กรก่ออาชญากรรมข้ามชาติ
...
รับยังห่วงจุดท่องเที่ยวสำคัญ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีคลิปผู้ต้องสงสัยสวมเสื้อฟ้าเขี่ยวัตถุต้องสงสัยลงบริเวณท่าเรือสาทร ยอมรับว่าเป็นของจริง และได้ขอความกรุณาผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว รวมถึงรายละเอียดทางคดี เป็นห่วงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เพราะอาจเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ได้พูดไปตั้งแต่แรกที่ลงพื้นที่ว่าไม่ใช่การโยนลงมา สั่งการให้ตรวจสอบกล้องย้อนหลัง ขณะนี้ยังมีความเป็นกังวลในจุดที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และจุดที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก
ขออย่าแชร์-โพสต์ข่าวมั่ว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ฝากพี่น้องประชาชนที่เผยแพร่แชร์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่เป็นความจริง สร้างความตื่นตระหนก สร้างความสับสนต่อประชาชน นอกจากจะไม่เป็นผลดีของเมืองไทย ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย ปอท.มาตรา 14 เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ทั้งนี้กรณีเสนอข่าวไม่ควรเสนอรูปภาพและการเสนอข้อมูลก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติ เป็นเรื่องที่พี่น้องคนไทยช่วยกันป้องกันเหตุรุนแรง ใครที่มีเบาะแสคนร้ายช่วยแจ้งเข้ามาเพื่อประโยชน์ในการสืบสวน
พญาไท ตรวจ 4 จุด วืด
ต่อมาเวลา 06.45 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พญาไท นำหมายค้นศาลอาญา ลงวันที่ 23 ส.ค.58 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอพาร์ตเมนต์ที่พักอาศัยชาวต่างชาติ 4 จุด เพื่อตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายและบุคคลต้องสงสัย จุดแรกที่ SHADI HOUSE ซอยวัฒนวงศ์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จุดที่สอง BAD STATION ภายในซอยเพชรบุรี 16 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จุดที่ 3 PARADISE ภายในซอยแสงกาญจน์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี และ จุดสุดท้าย PRICE HOUSE ซอยเพชรบุรี 17 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี ผลไม่พบสิ่งผิดกฎหมายหรือผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
...
ยานนาวาไม่พบเบาะแสบึมท่าน้ำ
ด้าน สน.ยานนาวา พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก. พ.ต.ท.สัญชัย มาตรคำจันทร์ รอง ผกก.สส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน. 3 รอ. รวมประมาณ 50 นาย ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นชุมชน 5 จุด ในพื้นที่ตามยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” ประกอบด้วย ชุมชนบ้านแบบ ชุมชนสาทร 19 ชุมชนเจริญกรุง 67 (2 จุด) และชุมชนเจริญกรุง 58 จากการตรวจค้นทั้ง 5 จุด จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 4 ราย แบ่งเป็นคดีครอบครองกัญชา 3 คดี ผู้ต้องหา 3 คน และผู้ต้องหาตามหมายจับยาเสพติด 1 คน นำส่ง พงส.สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ยังไม่พบเบาะแสของมือระเบิดแต่อย่างใด ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายขว้างระเบิดที่ท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค. พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆให้กับทางสื่อมวลชนได้ หากอยากทราบข้อมูลคดีดังกล่าวนั้น ผู้บังคับบัญชาจะเป็นคนให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูล
เน้นตรวจค้นที่พักถึง 27 ส.ค.
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 และ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ร่วมกันแถลงผลการระดมปราบปรามอาชญากรรมภายใต้ยุทธการ “ปิดเมืองค้นรังโจร” ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. จับกุมผู้ต้องหาได้ 129 คดี ผู้ต้องหา 139 ราย มีผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย ปืนสั้น 3 กระบอก ลูกซอง 1 กระบอก กระสุนปืน 64 นัด ยาบ้า 454 เม็ด ยาไอซ์ 10.75 กรัม กัญชา 21.38 กรัม ใบกระท่อม 3,223 ใบ เคตามีน 3.02 กรัม และโซแลม 3 เม็ด ส่วนการตรวจค้นคอนโดมิเนียม หอพัก เกสต์เฮาส์ ที่มีชาวต่างชาติพักอาศัยทั้ง 3,550 หลังคาเรือน ไม่พบว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับ หรือมีการกระทำผิดซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบหอพักทุกแห่งในพื้นที่ กทม. ถึงวันที่ 27 ส.ค.นี้
...
ค้นจนกว่าจะได้หลักฐานเพิ่ม
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ผลการปฏิบัติการ “ปิดเมืองค้นรังโจร” ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. เจ้าหน้าที่ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาตามหมายจับที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่แยกราขประสงค์ และท่าน้ำสาทร การตรวจสอบจะต้องตรวจอย่างละเอียดและรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบวันต่อวัน รวมทั้งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะพบผู้ต้องสงสัยเมื่อใด ส่วนการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ จะไล่ตรวจสอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบหลักฐานเพิ่มเติม จะดำเนินการทางคดีตามหลักฐานที่ปรากฏ เพราะคำว่าเขาเล่าว่าไปฟ้องใครไม่ได้ ส่วนการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในยุทธการนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบห้องพัก หอพัก เกสต์เฮาส์ ฯลฯ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าพักกว่า 3,550 จุด จะต้องตรวจสอบเพิ่มอีกเนื่องจากที่พักใน กทม.มีกว่า 1 หมื่นจุดที่จะต้องตรวจค้น อย่างกรณีบางที่พักที่ตรวจแล้ว ก็ต้องกลับมาตรวจอีกครั้ง ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด
ยืนยันไม่ได้ คนร้ายยังอยู่ใน-นอก ปท.
เมื่อถามว่า สื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่นระบุคนร้ายวางระเบิดแยกราชประสงค์เป็นชาวสเปน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังไม่เห็นข่าว หรือการนำเสนอของสำนักข่าวญี่ปุ่น ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ยืนยันจะดำเนินการตามพยานหลักฐานทุกขั้นตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เช่นเดียวกับคดีคนร้ายวางระเบิดที่ท่าน้ำสาทร พนักงานสอบสวนได้เรียกพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำกว่า 10 ปากแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน
“ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามพยานหลักฐาน หากข้อมูลพาดพิงไปถึงบุคคลใด จะดำเนินการทุกคน ส่วนหมายจับจะออกเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ส่วนการสอบปากคำผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุนั้น จะต้องมีการสอบปากคำแน่นอน โดยจะต้องสอบปากคำผู้บาดเจ็บทุกราย เพื่อรวบรวมข้อมูลหาเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนกรณีมีกระแสว่าคนร้ายออกนอกประเทศไปแล้วนั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศหรือหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว
ได้คดีอื่น ถือเป็นผลพลอยได้
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า การตรวจค้นโรงแรมที่พักชาวต่างชาติเป็นไปด้วยดี ผู้ประกอบการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพราะได้ทราบข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวจากสื่อมวลชนแล้ว จะมีการตรวจค้นทั่ว กทม. ต้องไปเคาะประตูตรวจสอบทุกแห่ง ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 2 และ 7 ดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้นำภาพสเกตช์ของผู้ต้องหาคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ไปให้ผู้ประกอบการเจ้าของที่พักเหล่านั้นดูเพื่อช่วยติดตามคนร้ายด้วย นอกจากนั้นหากการตรวจค้นตามปฏิบัติการนี้ พบคดีอาชญากรรมอื่นๆ ถือเป็นผลพลอยได้ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายเช่นกัน
ประวุฒินำตรวจเรียกความเชื่อมั่น
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสุนัขตำรวจ บก.สปพ. เจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน 1 รอ. และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ร่วมกันปล่อยแถว ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สี่แยกราชประสงค์ และศูนย์การค้าสยาม– เซ็นเตอร์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
ขอห้างฯติดกล้องระดับสายตา
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า การปล่อยแถวในวันนี้ได้แบ่งเป็นสามจุด กระจายกำลังตำรวจไปยังสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวอยู่จำนวนมาก อาทิ เอเชียทีค สวนจตุจักร พระบรมมหาราชวัง เน้นย้ำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าต่างๆและสถานที่สำคัญๆ ช่วยกันตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย สำหรับเรื่องกล้องวงจรปิดที่ทางห้างสรรพสินค้าติดตั้งไว้ อยากให้ติดตั้งกล้องเพิ่มเติม เนื่องจากคนร้ายจะรู้ว่ากล้องจะติดอยู่ด้านบนเสมอ ทำให้เวลาก่อเหตุ คนร้ายจะก้มหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับภาพได้ขณะก่อเหตุ อยากให้ติดกล้องในระดับสายตา และอยากให้เน้นเรื่องความคมชัดของกล้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
อุบเส้นทางมือบึมสาทร
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ในส่วนของความคืบหน้าชายใส่เสื้อสีฟ้าที่บริเวณสะพานสาทร ที่ถูกตั้งข้อสงสัยเป็นคนนำระเบิดไปขว้างลงในจุดดังกล่าวนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบย้อนหลัง มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของเส้นทางที่ชายเสื้อฟ้าใช้เดินทางนั้น มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ และไม่ใช่เส้นทางเดียวกับชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุบริเวณศาลท้าวมหาพรหม เบื้องต้นคาดว่าชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุที่ท่าเรือสาทรเป็นชาวเอเชีย
ยันบึมสาทรเชื่อมราชประสงค์
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า การตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณท่าน้ำสาทรที่มีเหตุระเบิดในน้ำ ไม่มีภาพคนร้ายโยนระเบิดลงไปในท่าเรือ แต่เมื่อย้อนกล้องไปในช่วง เวลา 19.00 น.ของวันที่ 17 ส.ค. เป็นวันที่คนร้ายวางระเบิดแยกราชประสงค์ กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องสงสัยถือถุงเข้ามาวางไว้บริเวณบันไดท่าเรือ แล้วใช้เท้าเขี่ยถุงที่น่าเชื่อมีระเบิดลงน้ำก่อนเดินออกไป แต่ข้ามมาอีกวัน ระเบิดถึงทำงาน ไม่ได้มีการขว้างหรือโยนลงไปข้างล่าง เป็นเรื่องที่ต้องสืบสวน ขอความร่วมมือบุคคลในภาพเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุระเบิด จะปิดเป็นความลับ และยินดีให้ความคุ้มครอง เนื่องจากระเบิดเป็นชนิดเดียวกับที่แยกราชประสงค์ เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกัน
สั่งนอกเครื่องแบบลงคลุกพื้นที่
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวด้วยว่า ได้มีคำสั่งเพิ่มกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบลงพื้นที่เป้าหมายปะปนอยู่กับผู้คน อาศัยประสบการณ์ในการสังเกตบุคคล และวัตถุต้องสงสัย ระมัดระวังเหตุระเบิด ไม่ทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว ประสาน รปภ.ทั้งหมดเข้าอบรมให้คำแนะนำวิธีการทำงานเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประสานให้เจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม. ตรวจสอบทุกซอกมุมจุดวางถังขยะ มีการแบ่งงานกันทำ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีความมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยของไทย ส่วนกรณีสื่อเสนอภาพกระเป๋าเป้ระเบิดระบุเป็นของคนร้าย ได้ให้ตำรวจประสานสื่อที่เสนอข่าวเพื่อชี้แจงข้อมูลที่เสนอเป็นข่าว ไม่ใช่ข้อมูลทางราชการ สื่อที่นำมาลงต้องมาให้รายละเอียดถึงที่มาของข่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
เผยแพร่คลิป–ผิดต้องรับผิดชอบ
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีตอนนี้มีความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ สำหรับคลิปวิดีโอที่ถูกปล่อยอยู่ในโซเชียลมีเดียตอนนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากตำรวจไม่ได้เป็นคนให้ข้อมูล การแชร์คลิปเป็นการแชร์ของกลุ่มคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้เผยแพร่หรือนำไปเผยแพร่ต่อต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กระเป๋าเปล่าป่วนมอเตอร์เวย์
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ร.ต.ท.ศิรสิทธิ์ ทันศรี พงส.สน.ประเวศ พร้อมกลุ่มงานตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ. เข้าตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัย ถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (มอเตอร์เวย์สาย 9) ช่วงวงแหวนทับช้าง บางปะอิน แยกไปถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 มุ่งหน้าขาเข้าถนนบางนา-ตราด แขวงและเขตประเวศ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ปิดถนนฝั่งมุ่งหน้าไปบางนา ชุดเก็บกู้ได้เข้าตรวจสอบพบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีส้ม วางตั้งพิงอยู่ริมถนนข้างรั้ว ชุดเก็บกู้ได้ใช้เครื่องเอกซเรย์ตรวจดูด้านใน ไม่พบสิ่งผิดปกติ และเมื่อเปิดออกดูภายในไม่มีสิ่งใดบรรจุอยู่ มีเพียงกระเป๋าเปล่า ได้เก็บไปตรวจสอบหาร่องรอยของคนร้ายน่าจะเอามาวางเพื่อให้เกิดความแตกตื่น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นผู้นำมาวาง
ปูดเห็นมือบึมอยู่ใน รพ.จุฬาฯ
มีรายงานว่า กรณีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่มีภาพมือระเบิดลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ สวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสามส่วน เป็นผู้ก่อเหตุ และคนร้ายได้หลบหนี ล่าสุดมีพยานบางส่วนยืนยันว่าเห็นคนร้ายรายนี้เข้าไปในอาคารอุบัติเหตุ รพ.จุฬาลงกรณ์ ในช่วงที่มีเหตุระเบิด มีการเคลื่อนย้ายคนเจ็บเข้ารักษาตัวที่รพ.โดยคนร้ายอยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือของมูลนิธิฯ เปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสามส่วนตัวเดิม หลังเกิดเหตุมีพยานจำรูปพรรณใบหน้าคนร้ายได้จากภาพที่ปรากฏในสื่อมวลชน สอดรับกับผู้ขับขี่รถสามล้อรับจ้างว่าคนร้ายเรียกรับจากสถานีรถไฟหัวลำโพงให้มาส่งที่ รพ.แต่สื่อสารไม่เข้าใจก่อนพาไปส่งที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ก่อนลงมือวางกระเป๋าเป้ที่บรรจุระเบิด ชุดสืบสวนกำลังตามหาพยานเพื่อสอบปากคำในประเด็นนี้
สุ่มสอบ 15 แท็กซี่รับมือบึม
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า กรณีพบเบาะแสคนร้าย ก่อเหตุวางระเบิดแยกราชประสงค์ ได้โบกรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองจากซอยสาทร 11 มาส่งที่หน้าหัวลำโพง ก่อนโบกรถตุ๊กๆต่อไปก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวน บช.น.ได้สุ่มเชิญตัวโชเฟอร์แท็กซี่สีเขียวเหลืองในพื้นที่ กทม.ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดมาให้ปากคำ และบันทึกภาพไว้เป็นข้อมูล รวมทั้งหมด 15 คน เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพรถแท็กซี่ในกล้องวงจรปิดที่มองเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด แต่ขณะนี้ยังไม่พบโชเฟอร์ที่ขับรถคันที่รับคนร้าย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากให้โชเฟอร์แท็กซี่ ที่สุ่มเลือกมาสอบปากคำวันนี้ ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสต่อไป
ตร.–ทหารเข้มสวนจตุจักร
สำหรับบรรยากาศที่ตลาดนัดจตุจักร มีกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย แต่มีจำนวนบางตากว่าปกติ หากเทียบกับก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ บริเวณประตูใหญ่ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2 มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.อคฝ. ตำรวจ 191 ตำรวจ บก.น.2 ตำรวจ สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่ทหาร และพนักงานรักษาความปลอดภัย คอยตรวจตราความเรียบร้อย โดยนำเครื่องสแกนโลหะ และกระจกสะท้อนใต้ท้องรถยนต์ ตรวจนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภายใน
บึมทำนักท่องเที่ยวลดเกือบครึ่ง
นายสุรัตน์ ดับใหม่ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ได้รับการประสานจากภาครัฐ เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดต่างๆ และทหารกว่า 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายกำลังดูแลนักท่องเที่ยว รวมกับ รปภ. 80 คน แบ่งเป็น 2 ผลัด ดูแลประตูใหญ่ ทั้ง 3 ประตู ด้านถนนกำแพงเพชร 2 ถนนกำแพงเพชร 1 และถนนพหลโยธิน และปิดประตูย่อยจาก 34 ประตู ให้เหลือ 6 ประตู เพื่อดูแลความปลอดภัยได้มากขึ้น พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้ลงไปเดินปะปนกับนักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ยังตรวจผ่านกล้องวงจรปิด 72 ตัว และเปลี่ยนถังขยะเป็นถุงพลาสติกใส ดูแลจุดเสี่ยงต่างๆ พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ค้าในสวนคอยสอดส่องดูแล หากพบปัญหาแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยประกาศเสียงตามสายประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ยอมรับว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวมาเดินตลาดลดลง 30-40%
คสช.แถลงจับ 2 ผู้ต้องหาป่วนเมือง
เวลา 12.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ รายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดที่บริเวณราชประสงค์ สรุปเหตุการณ์ในห้วงเวลา ไม่มีเหตุการณ์หรือการก่อเหตุที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนแต่อย่างไร ในภาพรวมมีความสงบเรียบร้อย สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ได้จับกุมผู้ที่เผยแผ่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน 2 ราย ในพื้นที่ กทม.และ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย
เหตุบึม 2 จุด มีความคืบหน้า
สำหรับด้านการสืบสวนคดี พ.อ.วินธัยแถลงว่า มีความคืบหน้าไปพอสมควร ทั้งเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ได้ตรวจพบหลักฐานเพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด หากมีความคืบหน้าที่ไม่ส่งผลต่อรูปคดี จะรายงานให้ทราบต่อไป นอกจากนี้ ในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มปฏิบัติการกวาดล้างการกระทำผิดกฎหมายทั่ว กทม. เพื่อเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยในภาพรวมอีกด้วย
แจงยอดช่วยเหลือเจ็บ–ตาย
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือทางด้านรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับญาติ รวมแล้ว 16 ราย เป็นชาวต่างชาติ 14 ราย ชาวไทย 2 ราย นอกนั้นได้รับการสำรวจและรับคำขอการช่วยเหลือแล้วทั้งสิ้น 100 ราย จะได้เร่งรัดการช่วยเหลือต่อไป สำหรับ กทม. ได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 9 ราย เรื่องการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่มีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลเพิ่มเติมอีก 4 ราย คงเหลือรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆอีก 52 ราย
ขอบคุณคนไทยที่ให้ความร่วมมือ
โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า สำหรับการขอความร่วมมือประชาชนที่ได้รับรู้ข้อมูลหรือเบาะแสที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทร แจ้งได้ที่สายด่วนหมายเลข 1515 และจากการที่เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยประกอบกับการร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ทำให้การจัดการแข่งขันมวย Thai Fight 100 ปี จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 22 ส.ค.58 ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงความรัก ความสามัคคี ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ และขอให้ชาวไทยทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ สร้างพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ในลักษณะเดียวกันนี้ เพื่อทำให้ประเทศไทยของเราก้าวเดินไปอย่างมั่นคงต่อไป
ยังไม่รู้ใครอยู่เบื้องหลัง
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่า การข่าวมีความคืบหน้าพอสมควร มีเบาะแสที่ได้รับจากผู้หวังดี และได้นำไปตรวจสอบความเป็นไปได้ทุกประเด็น มีการประสานงานกับมิตรประเทศแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทำทุกมิติ ทำให้พบว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ อาจมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน แบ่งกันทำหน้าที่ และหลักฐานที่ได้สามารถลดน้ำหนักบางประเด็นไปได้ แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ากลุ่มใดอยู่เบื้องหลัง ที่แน่นอนแล้วคือมีการทำเป็นขบวนการ ส่วนที่สื่อบางฉบับเสนอข่าวว่า เมื่อ 3 เดือนที่แล้วมีการแจ้งเตือนเหตุก่อการร้ายในไทยนั้น ความจริงแล้วเป็นการขอให้ไทยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่แจ้งเตือนจะมีการก่อการร้ายในไทย และจากการวิเคราะห์ตรวจสอบ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมาก่อการร้ายในไทย
รบ.ส่งสารย้ำไทยปลอดภัย
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 23 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีสารจากรัฐบาลไทยถึงพี่น้องประชาชน และประชาคมโลก โดยมีเนื้อความว่า เหตุการณ์ก่อความไม่สงบที่แยกราชประสงค์ ขอให้มั่นใจรัฐบาล ผู้ที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บ และการติดตามสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจตราความปลอดภัยทั้งในและนอกเครื่องแบบในทุกจุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนทุกท่าน สำหรับชาวต่างประเทศที่วางแผนเดินทางมาประเทศไทย ไม่ว่าเพื่อการท่องเที่ยว ติดต่อธุรกิจ เพื่อการศึกษา ประชุม สัมมนา ดูงาน ร่วมงานแสดงสินค้า หรือภารกิจอื่นๆ ขอให้ความมั่นใจว่าจะได้รับความปลอดภัยตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย
ทูตานุทูตให้กำลังใจพ้นวิกฤติ
ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ คณะทูตานุทูตหลายประเทศ กล่าวให้กำลังใจประเทศไทยก้าวข้ามปัญหาช่วงนี้ไปให้ได้ เพราะเชื่อว่าด้วยอัธยาศัยไมตรีของคนไทย ความมีน้ำใจเมตตาอารี เป็นสุภาพชน และไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร มั่นใจว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว ฟังแล้วเกิดเป็นกำลังใจ ขณะที่คนไทยเมื่อบรรพชนได้สั่งสมคุณงามความดีไว้ให้เป็นแบบอย่าง อยู่ที่เราแล้วจะต้องไม่ขัดแย้ง ไม่แบ่งแยก ไม่โลภ ไม่ทุจริตคดโกง ไม่เนรคุณแผ่นดิน ไม่รู้คุณชาติ ไม่เล่นการเมืองแบบสกปรกถึงขั้นคิดล้มล้างจารีตประเพณีของแผ่นดิน ไม่ปองร้ายประเทศชาติถึงขั้นยอมให้เกิดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติ ยอมเสียเกียรติภูมิ ขณะที่ผู้ประสงค์ร้ายต่อแผ่นดินต้องแพ้ภัยตนเอง
กอบกาญจน์เดินสายเยี่ยมคนเจ็บ
วันเดียวกัน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เข้าเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลตำรวจ ทั้ง 2 แห่งยังมีผู้บาดเจ็บทั้งคนไทย คนจีน และไต้หวัน ยังพักรักษาตัวอยู่ โดยนางกอบกาญจน์ได้สอบถามญาติๆคนเจ็บของชาวจีน ทราบว่าทุกคนต่างเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยกันไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง เข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทย รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวกับทางญาติว่าขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลผู้บาดเจ็บเป็นอย่างดี จากนั้นเดินทางมาสักการะท้าวมหาพรหม ที่แยกราชประสงค์
สมยศ ขอ มส.เลื่อนสวดมนต์
วันเดียวกัน พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในฐานะกรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ตามที่ มส. ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กรมการศาสนา (ศน.) และมูลนิธิไทยพึ่งไทย จะมีการจัดงาน “รวมพลังคนไทย รวมหัวใจเพื่อประเทศไทย” โดยจะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนชาวไทย กำหนดจัดงานบริเวณหน้า รร. อัมรินทร์พลาซ่า และบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ ในวันที่ 24 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ขอให้เลื่อนการจัดงานไปก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะดูแลความปลอดภัยได้ไม่ทั่วถึง ทั้งยังเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย เพราะคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ได้มีการหารือกับคณะผู้จัดงานและเห็นตรงกัน จะเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิก ส่วนจะจัดขึ้นเมื่อใดนั้นจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เผาหนุ่มสวนผึ้งเหยื่อบึม
เย็นวันเดียวกัน ที่วัดบ้านบ่อ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผวจ.ราชบุรี เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายสุวรรณ สัตย์มั่น อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม 1 ในเหยื่อที่ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต บริเวณศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ โดยนายบุญส่งและนางขันทอง สัตย์มั่น พ่อและแม่นายสุวรรณ นำศพลูกชายกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. บรรยากาศในพิธีฌาปนกิจศพเป็นไปอย่างเศร้าโศก เพราะนายสุวรรณเป็นลูกชายคนโต และเป็นเสาหลักของครอบครัว