ทั่วไทย ฝนตกเพิ่มขึ้น ขณะภาคใต้ตอนบนมีฝนหนักบางแห่ง ตั้งแต่วันนี้-25 ส.ค. จาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในอันดามัน-อ่าวไทย มีกำลังพัดแรงขึ้น ชาวเรือ ควรระมัดระวังเวลาออกทะเล
วันที่ 21 ส.ค. จากการตรวจสอบจากระบบพยากรณ์อากาศ ไทยรัฐทีวี เดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่า สภาพอากาศหลายพื้นที่ต่อจากนี้ คงจะต้องเตรียมรับมือของฝน ที่กลับมาตกชุกอีกครั้ง โดยปัจจัยสำคัญก็คือ การเคลื่อนตัวของพายุ 2 ลูกในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก ที่เคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นทวีปมากขึ้น ก็คือ พายุ โคนี และ อัสนี โดยล่าสุดจากการตรวจสอบก็พบว่า
พายุโคนี เป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 มีศูนย์กลางอยู่ในทะเลตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมศูนย์กลาง 194 กม./ชม. ห่างจากอุบลราชธานี 2,063 กม. เคลื่อนที่ทิศทางสู่เกาะชิโกกุ ผ่านทางเกาะริวกิวของญี่ปุ่น ด้วยความเร็ว 13 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะลดความเร็วลมศูนย์กลางเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 ในบ่ายวันที่ 22 ส.ค. แล้วเหลือเป็นพายุโซนร้อน ในเช้าวันที่ 26 ส.ค. พายุนี้จะเปลี่ยนทิศทางไปทางใต้ของญี่ปุ่นก่อนจะถึงฝั่งไต้หวัน โดยจะมีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของฟิลิปปินส์และไต้หวัน
ส่วนพายุอัสนี เป็นไต้ฝุ่นระดับที่ 4 มีศูนย์กลางอยู่บริเวณแปซิฟิกทางทิศตะวันออก ของเกาะอิโวโตะ ของญี่ปุ่น มีความเร็วลมศูนย์กลาง 213 กม./ชม. ห่างจากอุบลราชธานี 4,670 กม. เคลื่อนที่ทิศทางย้อนกลับสู่แปซิฟิก ด้วยความเร็ว 19 กม./ชม. คาดว่า พายุนี้จะลดความเร็วลมศูนย์กลางเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 ในบ่ายวันนี้ แล้วลดลงเป็นพายุโซนร้อนในเช้าวันที่ 26 ส.ค.
นอกจากพายุนี้ จะทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศในไต้หวันแล้ว ยังเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ด้วย และแน่นอนว่า เมืองไทยของเราอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยอิทธิพลของพายุก็จะมีการเหนี่ยวนำให้ร่องฝนเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนอีกครั้ง ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ก็จะถูกเหนี่ยวนำดูดเข้าสู่ศูนย์กลางพายุ ทำให้กระแสลมดังกล่าวที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น และคาดว่า จะเป็นแบบนี้ ไปจนถึงวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณภาคใต้ตอนบน ในจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ดังนั้น ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย
...
ส่วนคลื่นลมในทะเลทั้งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน ก็จะมีกำลังแรง ดังนั้น ชาวเรือที่จะออกเดินเรือควรที่จะเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงสุดสปดาห์นี้
ขณะเมื่อดูปริมาณความชื้นที่ปกคลุมประเทศไทยจะเห็นว่า เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ก็พบว่า เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจากความชื้นที่เพิ่มขึ้นนี้ถือว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการก่อตัวของกลุ่มเมฆและกลุ่มเมฆฝนขึ้นในวันนี้ โดยถ้าหากดูภาพถ่ายดาวเทียมก็จะพบว่า กลุ่มเมฆเช้านี้เริ่มหนาตาขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ และอีสานตอนบน ภาคกลาง รวมถึงภาคใต้ และมีการกระจายตัวของกลุ่มเมฆฝนในหลายพื้นที่
และถ้าหากคำนวณต่อไปว่า วันนี้ฝนที่จะตกลงมาจะไปเทในจุดไหน เวลาไหนบ้างนั้น ก็พบว่า ช่วงสายวันนี้ พบการก่อตัวของกลุ่มฝนบริเวณภาคเหนือฝั่งตะวันออก ภาคกลางตอนล่างและฝั่งตะวันตก และตกเล็กน้อยบริเวณภาคอีสานตอนบนด้วย ช่วงเที่ยงกลุ่มฝนในภาคเหนือเบาลง แต่ยังคงตกเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณฝั่งตะวันตกของประเทศ ส่วนในตอนบ่ายกลุ่มฝนมีการกระจายตัวมากขึ้นในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน และภาคกลาง ช่วงเย็นกลุ่มฝนจะตกเป็นกลุ่มๆ ในบริเวณภาคเหนือ และภาคอีสานตอนบน โดยจะตกหนัก ในบางพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน และสุโขทัย ส่วนในช่วงค่ำกลุ่มฝนยังอยู่ในบริเวณเดิม และตกหนักขึ้นแถวๆ หนองคาย และบึงกาฬ
ส่วนสถานการณ์ฝนทางตอนใต้ ช่วงสายพบการก่อตัวของกลุ่มฝนในบริเวณภาคใต้ตอนบน แถบ จ.ระนอง ชุมพร พังงา ส่วนในช่วงเที่ยงกลุ่มฝนจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นตก ตั้งแต่ในบริเวณ จ.ชุมพร ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง สตูล และมีตกปรอยๆ ที่จังหวัดยะลาด้วย ช่วงบ่ายกลุ่มฝนยังคงตก ในจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง ตกเพิ่มที่นครศรีธรรมราช แและพัทลุง ช่วงเย็นกลุ่มฝนจะไปเน้นตกทางตอนล่างของภาค ตั้งแต่สงขลา ยะลา และนราธิวาส และในช่วงค่อยๆ ซาลง ในช่วงค่ำก่อนที่จะเคลื่อนออกทะเลไป
จากการนำการคาดการณ์ฝนที่เทลงมาทั้งวันนี้ มาประมวลค่าเป็นปริมาณฝนสะสม ตลอด 24 ชั่วโมง จาก 7 โมงเช้าวันนี้ไปจนถึง 7โมงเช้าพรุ่งนี้ พบว่า บริเวณที่มีฝนสะสมมากตั้งแต่ 20-200 มิลลิเมตร เริ่มกลับมาปรากฏในเมืองไทยอีกครั้ง ในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือฝั่งตะวันออก พบมากที่น่าน บริเวณภาคอีสานฝั่งตะวันออก และรอยต่อระหว่างภาคกลาง และบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามัน
ส่วนสถานการณ์สภาพอากาศในแต่ละภาควันนี้เป็นดังนี้
ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย
พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร ชัยภูมิ และขอนแก่น อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
...
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ มีโอกาสตกได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายไปจนถึงช่วงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส