กลุ่มเกษตรกรชาวสวนจันทบุรี และผู้ประกอบการ "ล้ง" บุกศาลากลาง ยื่นหนังสือต่อพ่อเมือง กรณี สศก.ให้ข้อมูลผิดพลาด เรื่องวงจรซื้อ-ขายผลไม้ของล้งชาวต่างชาติ ชี้จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเรื่องราคาที่ตกต่ำลง ทำเสียโอกาส...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. 58 มีรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ หรือล้ง จาก 10 อำเภอ กว่า 150 คน นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ หลิวทวีสีประกาย นายกสมาคมชาวสวนลำไยจังหวัดจันทบุรี และ ดร.อิสิวุฒิ ตั้งเกียรติ นายกสมาคมการค้า และการท่องเที่ยวชายแดนไทยกัมพูชาจันทบุรี รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านของ จ.จันทบุรี รวมตัวหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี โดยถือป้ายข้อความ "สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ข่าวผิดพลาดวงจรการซื้อ-ขายผลไม้จังหวัดจันทบุรี" พร้อมกล่าวตำหนิการให้ข่าวของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เรื่องของวงจรผลไม้และการซื้อ-ขายผลไม้ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรไม่พอใจ อ้างว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพ่อค้าคนกลาง โดยมีกำลังทหาร ตำรวจ และ ตชด.ร่วมสังเกตการณ์

...

ต่อมา นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ลงมาพบกลุ่มเกษตรกร โดย นายพงษ์ศักดิ์ เป็นตัวแทนมอบหนังสือยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ใน 3 เรื่อง 1.ผลกระทบต่อการให้ข่าวของหน่วยงานภาครัฐ เกี่ยวกับล้งของชาวต่างชาติ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ (สศก.) ได้ให้ข่าวหรือการติดตามข้อมูลที่ผิดพลาด ในเรื่องของวงจรในการซื้อขายผลไม้ จ.จันทบุรี ที่จะส่งผลต่อเกษตรกรโดยตรงในเรื่องของราคาที่จะต่ำลง 2. เรื่องของล้งจีน ที่มาตั้งใน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นข่าวในขณะนี้ มิได้เป็นการทำลายวงจรต่างๆ แต่เป็นการถ่วงดุลของวงการซื้อ-ขายผลไม้ในจังหวัด ที่ผ่านมาทำให้ราคาดีขึ้น เป็นการตัดพ่อค้าคนกลางที่กดราคาผลไม้จากชาวสวนโดยตรง ทำให้ผลไม้ราคาสูงขึ้น และ 3.เรื่องการซื้อ-ขายผลไม้ที่ได้ราคา ณ ปัจจุบัน เป็นการซื้อ-ขาย ที่จำนวนเงินถึงมือเกษตรกรโดยตรง โดยผ่านพ่อค้าคนกลางน้อยลง

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เห็นว่า ล้งของคนจีนจะเข้ามาครอบงำการซื้อ-ขาย หรือผูกขาดผลไม้ของจันทบุรี ทำให้พ่อค้าคนกลางชาวไทยเสียผลประโยชน์ทางการค้า และเสนอแนวทางให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย เข้ามาดูแล ล้งจีนและล้งต่างชาติ ให้ขึ้นทะเบียนถูกต้อง อีกทั้งให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บภาษีการค้า เพื่อให้มีต้นทุนทางภาษีทัดเทียมกับพ่อค้าคนไทย ซึ่งความจริงแล้ว ล้งจีนและล้งต่างชาติ ในจันทบุรี มีการจดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย และที่ผ่านมาไม่ได้สร้างปัญหาหรือครอบงำผลไม้ของไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการถ่วงดุลการซื้อ-ขาย ระหว่างพ่อค้าคนกลางกับเกษตรกร และเกษตรกรสามารถขายผลผลิตให้กับล้งที่รับซื้อได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ราคาสูงกว่าในอดีต

ทั้งนี้ หากมีการเข้าไปตรวจสอบล้งจีน และล้งต่างชาติจริง อาจทำให้นักลงทุนชาวจีนหรือชาวต่างชาติ ที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจส่งออกผลไม้ในจันทบุรี ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน และอาจทำให้นักลงทุน ต้องย้ายฐานการซื้อ-ขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงจะทำให้เกษตรกรเสียโอกาส และอาจส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องการให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เข้าใจถึงกระบวนการซื้อ-ขายผลไม้ที่ถูกต้องของ จ.จันทบุรี และฝากถึงรัฐบาล ให้ดูแลหน่วยงานภาครัฐ ในการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดแก่สื่อ ในเรื่องของวงจรผลไม้ และการซื้อ-ขายผลไม้ จนส่งผลกระทบในขณะนี้ ซึ่งปัจจุบัน ผู้ประกอบการและเกษตรกร ต่างพอใจกับราคาผลผลิตที่เป็นอยู่ โดยที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

...

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ได้เห็นข่าวการนำเสนอเรื่องของล้ง รับซื้อผลไม้แล้ว พร้อมจะส่งต่อหนังสือไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงถึงกระบวนการซื้อ-ขาย ผลไม้คุณภาพระดับส่งออกของ จ.จันทบุรี เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเป็นแนวทางเดียวกัน ในการช่วยเหลือเกษตรกร และสร้างความมั่นใจกลับคืนมา ซึ่งที่ผ่านมา เรื่องของผลไม้ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของจังหวัด ในการพัฒนายกระดับชีวิตเกษตรกร และตั้งเป้าในอนาคต จ.จันทบุรี จะเป็นฮับ เรื่องผลไม้ของโลก

ด้าน ดร.อิสิวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากส่วนราชการล่าช้า จะนำตัวแทนกลุ่มเกษตรกรเข้าไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน ขณะที่กลุ่มเกษตรกร ได้แสดงความพอใจ พร้อมปรบมือ ก่อนแยกย้ายกลับ หลังผู้ว่าราชการจังหวัด รับปากจะนำหนังสือและดำเนินการไปตามขั้นตอนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.